2013-12-23

คุกเข่า

คุกเข่า

Pairing : Aomine Daiki x Kagami Taiga

Rate : G

Author : *child*

NOTE : อ่านช้าๆนะคะ ค่อยๆอ่าน5555555555 พอดีดูไลฟ์นี้เลยคิดว่าหน้าจะเหมาะกับมิเนะนะ ฮี่ๆๆๆๆ











“เรา........เลิกกันเถอะ”








“เราเลิกกันเถอะ”







“เราเลิกกันเถอะ”





เสียงที่ยังสะท้อนอยู่ในหัว ดังก้องเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ ......................และเรื่อยๆ เสียงนั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ยังคงดังอยู่เรื่อยๆอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำไม่ว่าจะได้ยินซ้ำมาซักกี่ครั้ง เหมือนมีคนมากดหยุดเวลาเอาไว้ ไม่ให้โอกาสเค้าที่จะเดินต่อ ไม่ให้โอกาสที่จะให้หายใจ ทุกอย่างหยุดลง ลมที่เคยพัดกลับนิ่งสนิท ปลาที่ว่ายก็หยุดลงไปพร้อมกับสายน้ำ ดาวและเดือนที่เคยประดับอยู่บนฟ้าก็จางหายไป ดวงอาทิตย์ที่เคยแผดเผาในใจเค้าเสมอกลับมอดไหม้จนกลายเป็นผงธุลีไปพร้อมกับใจ ใจที่เคยแกร่งยิ่งกว่าภูผา ยิ่งกว่าเหล็กกล้า ยิ่งกว่าสิ่งใดๆทั้งปวงกลับแหลกเหลวอย่างไม่มีชิ้นดี คนที่แข็งแกร่งกว่าใครๆ คนที่ใครๆเรียกว่าปีศาจ คนที่ฉายแสงเจิดจ้าเหนือคนอื่นเสมอมา ในตอนนี้ล้มพับลงอย่างคนอ่อนแรง สายตาแข็งกร้าวที่เอาชนะได้ทุกสิ่งกลับว่างเปล่า น้ำตาที่ไม่เคยมีใครได้เห็นกลับไหลทะลักลงมาจากตาคู่นี้อย่างไม่มีทางหยุด ไหลและร่วงหล่นเรื่อยๆเหมือนร่างกายและใจของเค้า หล่นลงไปสู่บ่อที่ไม่มีก้น ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงที่ตรงไหน ต่อให้พระเจ้าก็ไม่มีทางรู้ ความรู้สึกนี้ไม่ใช่เพียงแค่ความเศร้าเศร้ามันเกินยิ่งกว่านั้น เสียใจมาก มากจนล้ำเส้นไป มันคือความว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ไร้ซึ่งการตอบสนอง น้ำตาที่ไหล ร่างกายที่อ่อนแรง ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกเสียใจแต่เกิดจากการที่ถูกกระชากสิ่งที่ทำให้เค้ามีชีวิตไป ทุกอย่างสำหรับเค้าแล้วมันคือความว่างเปล่า เค้าไม่รู้ว่าร้องไห้ทำไม เค้าไม่รู้ว่านั่งที่พื้นทำไม เค้าไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร ไม่รู้ว่าตัวเค้าเป็นใคร ได้แต่นั่งเหม่อไปข้างหน้าด้วยหัวที่ว่างเปล่า ในห้องนอนเค้าตอนนี้มีแต่เสียงเข็มนาฬิกาที่เดิน แต่ในใจของเค้านั้นกลับไม่มีเสียงอะไรเลย

.

.

ตอนนี้อาโอมิเนะ ไดกิ เอซของโทโอไฮ เอซของทีมปาฏิหาริย์ ปีศาจหรือสัตว์ประหลาดของวงการบาสเก็ตบอล ไม่เหลือซึ่งเค้าหรือสภาพที่ทุกคนเคยเห็น ไม่มีซึ่งเสือร้ายที่พร้อมชนกับทุกสิ่ง ตอนนี้เค้าก็เป็นแค่เด็กชายอายุสิบแปดคนนึงที่พึ่งจบม.ปลาย ที่พึ่งถูกคนรักบอกเลิก ที่นั่งอยู่ตรงนี้ ที่ห้องนอนของเค้าเอง นั่งอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่ที่พื้น เค้าไม่ได้ตั้งใจจะนั่งตรงนี้ด้วยซ้ำแต่พอก้าวเข้ามาจู่ๆร่างกายก็หมดแรงล้มพับอยู่ที่ประตู ตอนนี้เค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะอะไรยังไง ได้แต่นั่นให้น้ำตาไหลไปเรื่อยๆ เค้าก็ทำได้แค่นั้น ใช่ สุดท้ายเค้าก็รักษาอะไรไว้ไม่ได้เลย รั้งอะไรไว้ไม่ได้เลย ไม่ว่าเค้าจะแกร่งซักแค่ไหน แล้วไงหล่ะ? เค้าทำอะไรได้บ้าง เค้าทำอะไรไม่ได้เลย เค้าทำไม่ได้เลย เค้าเองไม่ใช่ใครเลย ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆคนนึงเท่านั้น



“หึ”  อาโอมิเนะหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความสมเพชตัวเอง



ใช่....ในเมื่อทำอะไรไม่ได้เลยแล้วจะหยุดอยู่ตรงนี้ทำไม คิดหรอว่าเค้าจะปล่อยตัวเองให้ออกไปในสภาพนี้ ไม่มีทาง อะไรจะไปก็ปล่อยให้มันไป ให้ไหลไป เค้ามันก็แค่คนธรรมดาที่ทำอะไรไม่ได้เลย ไม่ได้ซักอย่าง คิดแล้วก็โมโหตัวเอง น่าสมเพช น่าหัวเราะ น่าขยักแขยง ตัวเค้าเองนี่แหละ

คิดเสร็จอาโอมิเนะก็ลุกขึ้น เหวี่ยงกระเป๋าไปที่เตียงแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำด้วยอารมณ์ปกติ ท่าทางปกติ เหมือนทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น




แต่เค้าเข้าใจผิด




ไม่มีอะไรปกติเลย ไม่ได้ไม่รู้สึกอะไรเลย  เค้าไม่ได้กลับไปเป็นเหมือนเดิมเลยซักนิด เค้าแค่ทิ้งมันไว้ก็แค่นั้น ปล่อยมันไว้โดยที่ไม่ได้สนใจความเป็นจริงข้างในตัวเค้าเลยซักนิด







อาโอมิเนะใช้ชีวิตตามปกติทุกอย่าง ไปเล่นบาส ไปเที่ยว ไปซื้อร้องเท้าบาสคู่ใหม่ ไปซื้อหนังสือปลุกใจเสือป่าเป็นประจำ ทุกอย่างปกติมาก ใช่ ปกติเกินไป แต่ความปกติของอาโอมิเนะนั้นใช่ว่าโมโมอิจะไม่สังเกต เธออยู่กับอาโอมิเนะมาตั้งแต่เด็ก เธอรู้ว่าแม้พฤติกรรมที่แสดงออกจะปกติ แต่สิ่งที่อยู่ข้างใน ใจของร่างโปร่งนั้นไม่ปกติเอาเสียเลย มันช่างว่างเปล่า ไฟที่เคยลุกโชนในนัยต์ตาหายไป ซึ่งโมโมอิเองก็รู้สึกมาได้ซักพักเลยลองปรึกษาคุโรโกะ สุดท้ายก็ได้คำตอบเพราะทางฝ่ายนั้นก็มีปัญหาเหมือนกัน แต่ถึงจะรู้เหตุแล้วเธอก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องของคนสองคน จนวันนี้เธอเห็นไม่มีอะไรดีขึ้นจึงได้ตัดสินใจถาม




“ไดจัง มีอะไรรึปล่าวช่วงนี้ดูแปลกๆไปนะ”



“แปลกตรงไหน? ก็เป็นเหมือนเดิมนั่นแหละซัทซึกิ เธอนั่นแหละที่ถามอะไรแปลกๆ”



ถึงปากจะตอบไปยังงั้น แต่ตัวเค้าเองรู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีอะไรเหมือนเดิมทั้งนั้น และก็รู้ว่าที่พูดปัดไปนั้นไม่สามารถหลอกเพื่อนในวัยเด็กของเค้าได้ ถ้าต้องพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้เค้าคงไม่พร้อม ไม่พร้อมเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนด้วยซ้ำ เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันมาก โดยที่คนที่บอกเลิกไม่ได้บอกเหตุผลอะไรเลย แค่พูดประโยคนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงและสายตาจริงจังแล้วทุกอย่างก็หยุดตั้งแต่คำสุดท้ายหลุดออกมาจากปากคนคนนั้น นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เค้าจำได้




“ถ้าอยากถามอะไรก็รีบถามนะไดจัง ถ้าอยากพูดอะไรก็ให้พูดดีกว่าไม่ทำอะไรเลย” โมโมอิหันมาบอกก่อนเดินนำหน้าไปร้านเบเกอร์รี่ข้างหน้า





...........................เค้าควรทำอะไรซักอย่างหรอ.........................




..........................จะให้เค้าทำอะไร..........................




..........................ตัวเค้าจะทำอะไรได้อีก ในเมื่ออีกคนได้ตัดสินใจไปแล้ว........................




...........................ตัดสินใจที่จะเดินจากไป..........................




..........................เค้าคงไม่ดีพอ......................





หลังจากวันนั้นอาโอมิเนะก็หายหน้าไป ไม่ออกไปเจอเพื่อนหรือคนรู้จักอื่นๆอีกเลย ได้แต่อยู่บ้าน ก็มีบ้างที่ออกไปเดินเล่น ไปเล่นสตรีทบาสบ้างแต่ไม่ได้เจอคนรู้จัก มันไม่ใช่เหตุบังเอิญที่ไม่เจอกันแต่เค้าเลือกที่จะอยู่คนเดียว คิดอยู่คนเดียว อยู่กับตัวเค้าเองโดยหันหลังให้กับโลกแห่งความเป็นจริง ก็แค่รอเวลาจนกว่ามหาลัยที่เค้าได้โควต้านักกีฬาจะเปิด รอเวลาจะไปเรียน ไปเจอสังคมใหม่ๆที่ไม่ต้องวนเวียนกับหัวใจที่ถูกทิ้งขว้างของเค้า


ทุกๆวัน ทุกๆนาทีความทรงจำของเค้ากับคนที่เค้ารักยังคงหลอกหลอนเค้า กลับเข้ามา เค้ายังสลัดมันออกไปไม่ได้ เค้าคิดว่าเวลาจะช่วยแต่ก็ไม่เลยทุกๆอย่างยังคงชัดเจนในหัวของเค้า ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรพลาดไป ไม่รู้ว่าว่าต้องแก้ตรงไหน ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร ไม่รู้ว่าต้องแก้ตรงไหน ไม่รู้อะไรเลย



ไม่รู้



ไม่รู้อะไรจริงๆ สิ่งที่เค้ารู้อยู่อย่างเดียวคือเค้ารักคากามิมาก มากจนเจ็บ จนจะขาดใจได้ขนาดนี้ เค้าเองไม่ใช่คนฉลาดมากนักเลยไม่รู้ว่าพลาดตรงไหน ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มไปแก้ที่ตรงไหน เค้าก็แค่รัก รักคากามิมาก..........จริงๆ







นานวันเข้าอาโอมิเนะก็ซึมลงเรื่อยๆ พ่อกับแม่เค้าก็สังเกต ลูกชายคนเดียวที่ปกติจะกวนๆ ห่ามๆ บ้าบาสของเขานั้นเปลี่ยนไปซึมไป อีกทั้งเด็กชายผมแดงตัวโตที่มักจะมาที่บ้านบ่อยๆ ชวนกันไปเล่นบาสบ้าง เที่ยวบ้าง หรือไม่ก็มาค้างกับไดกิบ้างก็กลับหายไปพร้อมกับความรู้สึกของลูกชายตัวดีเช่นกัน ใช่ว่าพวกเค้าจะไม่รู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ถึงแม้จะไม่ได้เปิดเผยออกมาตรงๆแต่จากสายตาที่ลูกมองเด็กชายคนนั้น พฤติกรรมต่างๆ ท่าทางที่ยอมอีกคนนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เดาได้ไม่ยาก ทั้งคู่ได้ปรึกษากันอยู่ซักพักว่าจะทำยังไงกับลูกดี จนในที่สุดก็เป็นที่ตกลงได้ว่าฝ่ายพ่อจะเข้าไปพูดเอง




นายอาโอมิเนะ พ่อของไดกิเปิดประตูเข้าไปที่ห้องนอนของลูกชาย สภาพที่เห็นคือห้องที่เรียบร้อยกว่าปกติ ลูกชายตัวดีของเค้านั้นนั่งดูการแข่งบาสออนไลน์อยู่โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าผู้เป็นพ่อได้เข้ามาในห้องแล้ว



“ไดกิ”

“หือ” ไดกิหันมาหาด้วยท่าทางตกใจเล็กน้อย


“เกิดอะไรขึ้นรึปล่าวไดกิ ทำไมซึมๆไปหล่ะ”


“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ผมก็แค่............ไม่รู้จะทำอะไรดีก็แค่นั้น”


“หือ คนอย่างไดกิเนี้ยะนะ บอกมาตรงๆดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราและคากามิคุง”


ไดกิถอนหายใจแล้วเดินไปล้มตัวลงไปบนเตียง “เค้าไปแล้ว”


“หือ ไปไหน” พ่อเดินไปนั่งที่เตียงสายตาจ้องมองไปที่ประตู


“จากชีวิตผม......เค้าไปแล้ว” เสียงของลูกชายแหบพร่าลง “ไปโดยที่ไม่ได้บอกเหตุผลเลย” พูดจบน้ำตาก็ไหลจากหางตาทั้งสองข้างซึมลงที่นอน


คนเป็นพ่อพูดอะไรไม่ออก เค้ารู้ว่าลูกกำลังเจ็บมากทีเดียว เค้ารู้ เค้าอยากจะช่วยลูก จะต้องทำยังไง “เมื่อไหร่”


“เดือนที่แล้ววันที่จบม.ปลาย”


“แล้วได้เจอกันอีกมั้ยหลังจากนั้น”


“ไม่เลย ไม่ได้ยินแม้กระทั้งชื่อ”


พ่อขมวดคิ้ว “ได้ขอโทษหรือโทรไปหาบ้างมั้ย”


ไดกิหลับตา “ไม่เลย ก็เค้าตัดสินใจไปแล้ว”


พ่อเม้มปากพลางคิดหาทางแนะนำลูกชาย “ไดกิ พ่อจะบอกอะไรให้ ไอสิ่งที่เรารักมากๆ หรือคนที่เรารักที่สุด ที่เป็นชีวิตของเรา ต่อให้เค้าจะตัดสินใจแบบไหนแต่ถ้าเราอยู่ไม่ได้โดยไม่มีเค้า ก็ไปเอากลับมา ไปคว้ากลับมา ไม่ต้องไปสนว่าอะไรจะเป็นยังไง ไปเอากลับมาถ้าลูกเชื่อว่านั่นคือคนรักของลูก ก็ไปคว้าเค้าเอาไว้ ไหนๆลูกก็ยอมลดความหยิ่ง ความเอาแต่ใจ ความเอาชนะของลูกเพื่อเค้ามาตลอดไม่ใช่หรอ การไปตามกลับมาคงไม่มีอะไรให้ต้องเสียอีกแล้ว ไปเถอะไดกิ ไปตามคากามิคุงกลับมา” พูดจบก็ลูบหัวลูกชายตัวดีก่อนเดินออกจากห้องไป





หลังจากที่เสียงปิดประตูดังขึ้นอาโอมิเนะก็ร้องไห้อย่างหนัก เค้ารักคากามิมากจริงๆ...............................





“ขอบคุณฮะพ่อ”










ตอนนี้ตัวเค้าอยู่ที่โรงยิมของเซย์รินไฮ กำลังรอคนรักของเค้า




กึก กึก กึก.................................


เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาข้างหลัง เค้ารีบหันกลับไปดูแล้วก็พบกับคนที่อยากเจอมากที่สุด


“ไทกะ” อาโอมิเนะโผเข้ากอดอีกฝ่ายทันที


อีกฝ่ายกอดตอบเบาๆ “นายเรียกชั้นมามีอะไร”


“กลับมาได้มั้ย เราต้องเลิกกันจริงๆหรอ ชั้นทำอะไรผิดไทกะ บอกชั้นสิชั้นขอโทษไทกะ ชั้นมันก็แค่คนโง่ๆนายก็รู้บอกชั้นสิไทกะ”


“นายไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีอะไรหรอก เราก็แค่เลิกกันก็แค่นั้น” คากามิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย


ร่างโปร่งผละออกมามองหน้าคนตัวโต “หมายความว่ายังไงไทกะ ชั้นไม่เข้าใจ”


“ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นแหละ คงจบแล้วนะ”


ขาที่แข็งแกร่งก็ทรุดลง อาโอมิเนะคุกเข่าลงต่อหน้าคากามิ น้ำตาที่กลั้นไว้ก็เอ่อขึ้นมาจนกลั้นไม่อยู่ “ชั้นไม่เข้าใจ นายไม่มีเหตุผล อย่างน้อยก็บอกสักนิดได้มั้ยว่าทำไมนายถึงต้องเลิกกับชั้น”


“ก็เพราะมันไม่มีเหตุผลไงไดกิ ก็เหมือนกับความสัมพันธ์ของเราที่มันไม่มีเหตุผลไงไดกิ” คากามิขึ้นเสียงดังด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือไม่แพ้กัน


“ไทกะ” อาโอมิเนะพูดเสียงแผ่ว ร่างกายของเขาห่อลงเรื่อยๆจนแทบจะจมลงไปกับพื้น ไหล่ที่สง่านั้นลู่ด้วยความสิ้นหวังและความเสียใจ ทุกอย่างยังคลุมเครือสำหรับพวกเค้าทั้งสองคน “ชั้นรักนายมากนะไทกะ รักมากจริงๆและนั่นคือสิ่งเดียวที่ชั้นจะบอกนายได้ มันคือสิ่งเดียวในชีวิตชั้น ความรักของชั้นที่มีให้นาย” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาเงยขึ้นมองเข้าไปในนัยต์ตาของคากามิ มันคือใบหน้าและแววตาที่จะไม่มีใครบนโลกได้เห็นนอกจากคนตรงหน้า



“........................................” คากามิไม่พูดอะไร แค่เบือนหน้าหนีจากสายตาตรงหน้า สายตาของเค้าเองนั้นก็เต็มไปด้วยน้ำตาไม่แพ้กัน











..........................................END……………………………………………..

2013-12-14

Our first night at his place - Thai ver.

Our first night at his place
Pairing : Aomine Daiki & Kagami Taiga
Rate : PG13
Author : *child*
 Note : พลาดประการไหนอย่าโกรธเค้า ให้อภัยเค้าน้าาา ถ้างงๆตรงไหนก็...........ตามอารมณไปเลยค่ะ *ระเหิด*


“นี่ ไทกะ นายค้างที่บ้านชั้นคืนนึงก่อนวันนัดก็ได้นะ” อาโอมิเนะพูดขึ้นด้วยเสียงเนือยๆพลางจ้องสาวๆบนสนาม วิวโคตรแจ่ม

คางามิหันขวับมามองคนผิวแทนข้างๆอย่างตกใจ “ห้ะ นายพูดว่าอะไรนะ? ชั้น? ค้างบ้านนาย? ให้ตายคงไปเหอะ อาโฮ่!” ‘นายมันโคตรเป็นภัย เหมือนกับปีศาจไดกิ’  “ที่สำคัญ มองหน้าชั้นเวลาคุยกัน” คางามิจับหัวคนข้างตัวให้หันมามองหน้าตัวเอง

“โอ๊ย ทำไรเนี้ยะ คอจะเคล็ดเอารู้มั้ย! โอ๊ยยย” อาโอมิเนะร้องขึ้น เค้าลูบหลังคอตัวเองเบาๆ

“ก็รู้ไง ไม่งั้นจะทำ?” คนตัวโตยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

คนผิวเข้มมองคนตัวโตข้างๆและยิ้มเจ้าเล่ห์ “เห ~ ~ ~ มีคนหึงหนิ”

“บ้านแกเสะ” คางามิหันไปตอบอย่างโมโห พร้อมกับสรรพนามที่เริ่มไม่สบอารมณ์

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โอเค โอเค ไม่ได้หึงซักหน่อย เน้อออออออ เข้าใจๆ” คนกวนประสาทยกมือขึ้นยอมให้กับความรั้นของคนผมแดงตรงหน้า “เอาหน่า ชั้นผิดเอง เป็นคนเข้าใจผิดเอง เฮ้ ไม่เห็นต้องเม้งเลยไทกะ” อาโอมิเนะรีบพูดขึ้นด้วยเสียงทีเล่นทีจริงเมื่อเห็นหน้าโมโหของอีกคน

“จะพูดอีกครั้งนะว่า ชั้น.ไม่.ได้.โกรธ. ทำความเข้าใจซะใหม่ แล้วตกลงมันยังไงกัน ทำไมต้องไปค้างบ้านนายก่อนคืนนึงด้วย”

เอซของโทโอถอนหายใจ “ก็เพราะว่าบ้านนายอยู่ไกล และนายก็ไม่รู้จักที่ ถ้านายหลงหล่ะก็ตกรถชัวร์”

“แล้วทำไมไม่บอกทางกับวิธีไปมาแทนเล่า” คางามิยังคงมีคำถาม จนอาโอมิเนะทนไม่ไหวจึงหันมาด้วยสีหน้าจริงจัง “เพราะว่าอยากจะอยู่กับนาย ชัดเจนพอมั้ยไทกะ!” คนผมแดงตัวโตผงะเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป



ไม่ได้พูดอะไรเลย




ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย




คนผิวแทนจ้องหน้าอีกคนยิ้มๆ ส่วนฝ่ายที่ถูกจ้องนั้นยิ้มไม่ออก แต่ก็ไม่ได้หลบตา ก็แค่หน้าแดงเหมือนผลสตรอเบอร์รี่ก็แค่นั้น



“ในเมื่อนายไม่พูดอะไร งั้น เอาเป็นว่า.............ตกลงนะ”  อาโอมิเนะคิดเองเออเอง ตกลงเอง “ขอบคุณนะไทกะ” ว่าแล้วก็จุ๊บที่แก้มอีกคนเบาๆก่อนเปิดตูดวิ่งหนีไป


“หือ แก้ม?” คางามินั้นยังงงๆ แต่ไม่นาน “อาโฮ่มินะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เค้าตะโกนอย่างไม่แคร์สายตาคนอื่นแล้ววิ่งตามอีกคนอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ขาเค้าจะวิ่งได้ จะวิ่งไปให้ทันเพื่อที่จะได้ตั๊นหน้าแฟนด้วยหมัดของเค้าเอง







ใช่......ไม่ได้อ่านผิดหรือตาพล่าหรอก ไอสองคนบ้าๆเนี้ยะเป็นแฟนกัน เป็นคู่รักบ้าๆนี่แหละ











อีกฟากหนึ่งของโรงยิม........................


“ได้ยินใช่มั้ย? เท็ตซึยะ ซัทซึกิ” อาคาชิหันไปถามสองคนข้าหลัง 

“ได้ยินแล้วเต็มสองหูเลย แล้วเราจะทำยังไงกันดี? คางามินจะเป็นอันตรายมั้ย?” โมโมอิถามขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเป็นกังวล 

“ชั้นมั่นใจว่าไดกิต้องทำมันแน่ๆ” กัปตันผู้น่าเกรงขามของทุกคนพูดออกมาอย่างมั่นใจ “ตั้งแต่สมัยอยู่เทย์โคว ไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือเรื่องบาสไดกิจะเป็นพวกที่หยุดไม่ได้ ควบคุมไม่ได้เวลาอยากได้อะไรหรืออยากทำอะไรซักอย่าง เมื่อเป็นเช่นนั้นชั้นเลยคาดว่าเค้าอาจทำมันกับไทกะ” 

“แล้วเราจะทำยังไงกันดีหล่ะเพื่อนที่จะปกป้องแองเจิ้ลคางามินของพวกเรา?” เด็กหญิงถามด้วยความกลัดกลุ้ม “เค้าไร้เดียงสาเกินไป เกินกว่าที่จะตามความหื่นของไดจังทัน” 

“โมโมอิซัง อาคาชิคุง ผมรู้แล้วครับว่าเราจะทำยังไงกันดี” แล้วจู่ๆคุโรโกะก็เสนอแผนขึ้นมา..................








..........................................................................................................................................................











นี่คือบ้านของหมอนั่นสินะคางามิเงยหน้าขึ้นจากโน๊ตที่อยู่ในมือตัวเองและก็พบกับบ้านสีครีมๆกับน้ำตาลอ่อนๆตรงหน้าตัวเอง เฮ้ สวยดีหนิ อันที่จริงมันก็แตกต่างจากที่คิดไว้เหมือนกันแฮะ บ้านของคนป่าเถื่อนอย่างไดกิไม่คิดว่าจะดูอบอุ่นขนาดนี้


ระหว่างที่กำลังอึ้งกับบ้านตรงหน้าที่ขัดกับจินตนาการที่เคยคิดเอาไว้ คนที่มีขนาดตัวพอๆกับเค้าก็โผล่ออกมาจากประตูข้างบ้าน “เฮ้ ไทกะ กะจะยืนจ้องบ้านชาวบ้านนี้อีกนานมั้ย?” 

น้ำเสียงอวดดีของหนุ่มผิวแทนทำให้คางามิหัวเสียไม่น้อย “ก็กำลังจะเข้าไปอยู่นี่แหละ เจ้างั่ง แค่ดูให้ชัวร์เฉยๆว่าที่อยู่ถูกมั้ย ก็แค่นั้น”

 อาโอมิเนะยืนกอดอกพิงประตู พร้อมยิ้มให้กับคนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าบ้าน “หรอ ก็นึกว่ากำลังทึ่งกับความสวยของบ้านชั้นจนละสายตาไปไม่ได้ซะอีก มันสวยมากใช่ม้า ชั้นรู้อยู่แล้วแหละ แต่ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคำชมในหัวนะ มันซาบซึ้งมาก” พูดเสร็จก็โค้งหัวน้อยๆให้คนที่อยู่หน้าบ้าน 

“ควรกลับบ้านและหาทางไปเองดีมั้ย? ดีกว่าต้องมาค้างคืนที่บ้านไอ้บ้านี่” คางามิบ่นงึมงำกับตัวเอง 

“อะไรนะ เมื่อกี้ว่าอะไรนะ โทษทีไม่ได้ยินเลย พอดีบ้านมันใหญ่หว่ะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” เจ้าของบ้านผิวเข้มหยอกคนผมแดงที่กำลังจะระเบิดอยู่รอมร่อ 

“หรือไม่ก็ฆ่ามันหมกสวนก่อนกลับก็ท่าจะดี” คนใกล้ระเบิดพึมพำพร้อมกับแสยะยิ้มมารออกมา 

แต่ก็ใช่ว่าอาโอมิเนะจะไม่รู้สึกถึงแรงอาฆาตว่านางฟ้าของเค้าได้กลายเป็นพญามารไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยสัญชาตญาณทำให้รู้ว่าเค้าจะต้องเป็นเด็กดีเพื่อที่จะรักษาชีวิตน้อยๆของเค้าเอาไว้ เพราะตอนนี้อาโอมิเนะสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศงานศพตัวเองได้เลยทีเดียว นี่นายถึงกับต้องใช้โซนนอกเกมกับชั้นเลยหรอไทกะ ทำไมนายใจร้าย’ “เฮ้ยๆ อย่าเครียดสิไทกะ ก็แค่ละ ล ล้อเล่นเฉยๆ เอิ่ม.....เข้ามาสิเข้ามาเลย 


ในที่สุดคนตัวโตบ่นในใจ







ระหว่างที่คางามิกำลังถอดรองเท้าอยู่นั้น “คางามิน ~ ~ ~” เสียงเล็กๆสูงๆกำลังเรียกชื่อเค้าอยู่


เธอมาทำอะไรที่นี่


เค้ารู้ได้ในทันทีว่าเจ้าของเสียงคือใคร อาโอมิเนะเห็นคำถามบนหน้าคนผมแดงเลยตอบให้หายสงสัย “เอ่อ คือ.....ซัทซึกิก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปยังไงเลยอยากขอค้างกับเราที่นี่ด้วยคืนนี้” ถ้าดูจากหน้าแล้วรู้เลยว่าคนตัวโตของเค้าไม่พอใจแน่นอน 


“แล้วเราหล่ะ” คางามิถาม 

ซึ่งคำถามนั้นก็ทำให้เอซของโทโอตกใจไม่น้อยจนต้องยิ้มออกมา “แล้ว เราเหรอไทกะ?”





“.............................................................”






พูดออกมาสิไทกะความจริงที่นายหัวเสียกับการมาของซัทซึกิหน่ะ









บ้าเอ๊ย อีกแล้ว เอาอีกแล้วโพล่งอะไรบ้าๆออกไปต่อหน้าเจ้างั่งนั่นอีกแล้ว อั๊ก








“…………………………………………………………..”






“ไดจัง คางามิน ทำอะไรกันอยู่หรอ? ชั้นก็อยู่ที่นี่ด้วยน้าอย่าลืมกันซี่” เด็กหญิงตัดพ้อระหว่างเดินมาหาทั้งสองหนุ่ม อาโอมิเนะถอนหายใจ ซึ่งนั่นก็ทำให้ซัทซึกิไม่พอใจเท่าไหร่นัก “ไดจังถอนหายใจทำไม? มีปัญหาอะไรเล่า” พูดเสร็จก็หน้ามุ่ยใสเพื่อนในวัยเด็กของเธอ 

“ก็ป่าว จะไปทำอะไรก็ไปเถอะซัทซึกิ ไปโทรคุยกับเพื่อน ไปกรี๊ดใส่เท็ตซึ ไปทำเล็บ ไปทำอะไรก็ได้ที่อยากทำปล่อยพวกเราไว้ตามลำพังได้มั้ยซัทซึกิ” อาโอมิเนะพูดด้วยท่าทางรำคาญ 

“ไดจังใจร้าย ชั้นแค่อยากมาทักคางามินเองนะ!” โมโมอิแกล้งทำเป็นสะอื้น 

ซึ่งนั่นทำให้คางามิรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นักเลยคิดพยายามจะเปลี่ยนเรื่อง “เอ่อ โมโมอิช่วยพาชั้นไปที่ครัวหน่อยได้มั้ย คือ เอ่อ.....เหมือนว่าชั้นเริ่มรู้สึกหิวหน่ะ เอ่อ ดูสิ ดูสิ นี่มันตั้งหกโมงเย็นแล้วนี่เนอะ” 

เด็กหญิงยิ้มร่า “ตามมาเลยคางามิน ครัวของไดจังหน่ะสวยมาก นายต้องชอบแน่ๆ ที่สำคัญชั้นหน่ะดีใจมากเลยน้าที่จะได้ชิมอาหารฝีมือคางามินหน่ะ เห็นทุกคนบอกว่าอร่อยสุดๆเลย” พูดจบโมโมอิก็ลากคนตัวโตไปที่ห้องครัวทันที 

“นี่ ไดกิช่วยเอากระเป๋าชั้นไปไว้ที่ห้องได้มั้ย เดี๋ยวชั้นจะไปทำเทอริยากิสเต็กให้ วานด้วยนะ” คางามิหันไปบอกแฟนหน้ามึนของเค้าขณะถูกลากด้วยผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้า 

“มาเร็ว มาเร็ว คางามิน~~~ ชั้นอยากจะดูคางามินทำอาหารจะตายอยู่แล้ว” 

“อย่าลืมของของชั้นนะไดกิ!!!” คนผมแดงหันไปตะโกนกำชับอีกครั้งก่อนจะถูกดึงเข้าไปในครัว






และแล้วอาโอมิเนะผู้น่าสงสารที่ยืนหน้าบูดก็ถูกทิ้งไว้ตัวคนเดียว “ซัทซึกิ” อาโอมิเนะพึมพำก่อนที่จะตะโกนประโยคที่อยู่ในใจออกไป “ระวังไว้เหอะ เตรียมตัวเจอกับการแก้แค้นของชั้นเอาไว้เลย คนที่จะอยู่ใกล้กับไทกะขนาดนั้นได้มีแต่ชั้นและชั้นคนเดียวทำนั้นนะจำเอาไว้” หนุ่มผิวแทนประกาศสงครามสึกชิงแฟนเค้ากับเพื่อนไว้เด็ก “ซัทซึกิ อย่าได้คิดจะแตะครัวชั้นเลยนะ ให้ไทกะทำไปคนเดียวก็พอ ดูแต่ตามือย่าต้องเลย อย่าเผาครัวชั้นนะซัทซึกิ!!!!!!!!!











หลังจากมื้อเย็นทุกคนก็นั่งกันที่ห้องนั่งเล่น ดูทีวีไปคุยไปเรื่อยๆ โมโมอิกับคางามินั้นนั่งคุยเรื่องอาหารกัน แต่ส่วนอาโอมิเนะนั้นแยกไปนั่งที่โซฟาโต๊ะเดี่ยวอ่านหนังสือปลุกในเสือป่าแนวแม็กซิมอยู่คนเดียวเงียบๆ ไอการที่ต้องมานั่งฟังแฟนตัวเองกับเพื่อนในวัยเด็กของตัวเองนั่งคุยกันงุ้งงิ้ง หัวเราะกันสองคนก็เริ่มทำให้อาโอมิเนะหงุดหงิดไม่น้อย เค้ารู้สึกว่าตามเรื่องที่ทั้งสองคนนั้นพูดกันอยู่ไม่ทัน รู้สึกถูกทิ้ง ขนาดแม่สาวอกสะบึ้นพร้อมกับบั้นท้ายเทอร์โบยังไม่สามารถทำให้รู้สึกตื่นเต้นได้เลยซักนิด 

บ้าเอ๊ย พวกนี้ทำสะบึมบะระหึ้มของแม่สาวน้อยของชั้นเสียของหมด ฮึ่ย’ 

เมื่อคิดได้ดังนั้นหนุ่มผิวแทนจัดก็ลุกขึ้นเดินไปหาโมโมอิและคางามิ ทั้งสองคนดูตกใจไม่น้อย 

“มองอะไรกัน?” แล้วจู่ๆอาโอมิเนะก็ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักคางามิ 

“อะ อ อะไรกันไดกิ?” คนถูกหนุนช๊อคไม่น้อยกับการกระทำของอีกฝ่าย 

“ป่าว ก็แค่อยากนอนอ่านแม๊กกาซีน มีปัญหาไรหรอ?” เสียงตอบเนือยๆดังขึ้นโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ละสายตาออกมาจากภาพตรงหน้าเลย 

“ถ้าอยากจะนอนขนาดนั้นก็บอกสิเดี๋ยวจะลุกให้” 

“อย่าคิดจะขยับเชียวนะ อยู่เฉยๆแบบนี้แหละ” 

“ฮะ อะไรนะ! เฮ้อ” ถึงปากจะบ่นแต่คางามิก็ไม่ได้ขยับไปไหน





ครึ่งชั่วโมงผ่านไป โมโมอิรู้สึกง่วงเลยขอตัวไปนอนก่อน ทิ้งให้สองคนอยู่กันตามลำพัง โดยที่อาโอมิเนะก็ยังดูแม่สาวอกสะบึมบนตักของคนตัวโต ส่วนคนตัวโตที่ว่าก็ก็นั่งดูทอล์คโชว์ของอเมริกาไปเรื่อย และแล้วก็ดูท่าว่าคนตัวโตของอาโอมิเนะจะเริ่มง่วงจนหาวออกมา 

“ง่วงแล้วหรอไทกะ ไปนอนมั้ย?” 

“อือ นายอ่ะ?” 

“มั้ง? งั้นไปนอนกันเถอะ” พูดจบอาโอมิเนะก็ลุกพร้อมดึงมืออีกฝ่ายให้ลุกตาม “ไปกันที่รัก”






ในห้องนอน ถึงจะบอกว่าง่วงทั้งคู่แต่ก็ยังไม่ได้นอนกัน คางามินอนฟังเพลงอยู่บนเตียง ส่วนอาโอมิเนะก็เปิดคอมดูคลิปบาสเกตบอลไปเรื่อย 

“ไทกะ ดูนี่ดิ สุดยอดเลยใช่มะ ลองเล่นท่านี้ดูกันบ้างมั้ย” 

คนถูกเรียกรีบลุกขึ้นมาจากเตียงมาดูที่หน้าสกรีน “เฮ้ย นี่มันสุดยอด” 

“ก็บอกแล้วว่ามันเจ๋ง คราวหน้าลองกันตอนวันออนวันมั้ย?” อาโอมิเนะหันมาพูดพร้อมรอยยิ้มแบบเด็กๆที่หาดูไม่ได้ง่ายๆก่อนหันกลับไปดูคลิปต่อโดยที่ไม่ได้รู้สึกเลยว่าคนที่สมควรกลับไปที่เตียงยังยืนอยู่ข้างหลังเค้า คางามิโน้มตัวลงไปหาคนตรงหน้าและจุ๊บเบาๆลนแก้มของอีกฝ่าย จากจุ๊บเบาๆ ธรรมดาๆก็กลายเป็นจูบ คางามิเปิดปากและทาบลิ้นลงไปบนแก้มคล้ำ เหมือนกับดีฟคิสแต่จากที่ปากเป็นที่แก้ม ลิ้นไล้เลียไปทั่วแก้มราวกับว่ากำลังเลียหวานเย็นแท่งโตอยู่ ปากและลิ้นที่ไล้จูบไปทั่วแก้มเริ่มจะดูดไม่ต่างจากการดูดน้ำหวานจากหวานเย็น ดูดราวกับว่าจะให้ซีดทั้งหมดแท่งจะรีดน้ำออกมาให้หมด ทั้งจูบทั้งเลียไปเรื่อยไม่มีท่าทางว่าจะผละออกจากแก้ม




อาโอมิเนะที่นั่งอยู่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไร ตั้งแต่สัมผัสแรกของคางามิบนแก้มของเค้าทั้งหัวก็ขาวโพลนไปหมด เค้าเกือบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้สึกเหมือนกับว่าได้ขึ้นสวรรค์ของแองเจิ้ลคางามิทั้งๆที่ยังหายใจ มือเอื้อมไปปิดคอมพลางปิดตาหลง โฟกัสไปที่ทุกสัมผัสบนแก้มของเค้าที่คนตัวโตมอบให้ ไม่ยากที่แฟนของเค้าจะทำอะไรแบบนี้ มันเป็นโมเม้นที่ช่างล้ำค่าแก่นายอาโอมิเนะ ไดกิ เสียเหลือเกิน แล้วจู่ๆการกระทำทุกอย่างก็หยุด อาโอมิเนะชะงัก 


“เหอ? มีอะไร?” 

คางามิไม่ตอบแค่ยักไหล่ให้เท่านั้น 

“แล้วนายอยากได้อะไร? ทำไมจู่ๆถึงทำแบบเมื่อกี้หล่ะ?” 

คางามิก็แค่ยักไหล่ตอบไปอีกครั้ง “ก็แค่อยากทำ ไม่มีอะไรหรอก” คางามิตอบแล้วก็เดินกลับไปที่เตียง 


มีหรือที่อาโอมิเนะจะปล่อยให้โอกาสหลุดมือ ร่างโปร่งรีบเดินตามไปทันที และนั่งลงบนเตียงพร้อมดึงคนตัวโตลงมานั่งคร่อมบนตัก “ถ้านายอยากจะจูบ ก็จูบสิ ก็จูบชั้นแบบนี้”  พูดยังไม่ทันสิ้นประโยคดีก็โน้มคางามิเข้าจูบ จูบที่เร้าร้อนและเต็มไปด้วยน้ำลายจากปากของทั้งสองฝ่าย แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้สนใจแต่กลับรู้สึกเร้าอารมณ์ยิ่งขึ้นไปอีก ลิ้นทั้งสองต่างชิงที่จะครอบครองโพลงปากของอีกฝ่าย ปัดปายไปทั่วปากและไล้เลียไปตามลิ้นของแต่ละฝ่าย น้ำลายต่างไหลล้นออกมาจากปนกันจนแยกไม่ออก จูบที่ต้องการมากกว่านั้น จูบที่อยากจะครอบครองมากกว่านั้น แล้วในที่สุดอาโอมิเนะก็เป็นฝ่ายชนะได้ลิ้มรสความหวานภายในโพรงปากของคางามิ แต่ไม่นานก็ต้องผละออกมาจากโพรงปากหวานเพราะลมหมดทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างพยายามกอบโกยเอาอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด ระหว่างที่คนตัวโตหอบอยากหนักอยู่นั่นเอง “ไม่พอใช่มั้ย นายต้องการมากกว่านี้ใช่มั้ยไทกะ?” หลังจากที่คางามิได้ยินคำถาม หน้าก็แดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เค้าไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ดึงอาโอมิเนะจูบแทน ไม่ใช่แค่ที่ปากแต่ค่อยๆไล่ไปทั่วใบหน้าของอีกฝ่าย ลิ้นร้อนไล้ไปตามผิวแทนจากหน้าผากไปที่แก้ม จากแก้มขวาลิ้นร้อนค่อยๆลากผ่านไปแก้มซ้ายและกลับมาที่จมูกโด่ง จึงผละออกมาเล็กน้อยแล้วกลับไปขบเบาๆ ลิ้นร้อนไล่ลงมาที่ปากเลียเบาๆเรื่อยๆโดยไม่พยายามที่จะขอเข้าไปในโพรงปาก ก็แค่ชิม



อาโอมิเนะเหมือนจะรู้บทจึงแค่ยิ้มและอยู่เฉยๆปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจตัวเอง ลิ้นที่เหมือนจะอิ่มกับปากของเค้าแล้วนั้นไล้ลงมาที่คาง คนตัวโตใช้ฟันคบเบาๆลงไปเรื่อยๆถึงคอ คางามิทั้งขบ ทั้งดูด จูบ และเลียซอกคอแทน “อะ อ อื้ม ทะ ไท อ้า....ไทกะ” อาโอมิเนะดันอีกฝ่ายออกจากคอแล้วประกบริมฝีปาก ทั้งคู่เริ่มขยับสะโพกเข้าหากัน แกนกลางที่ถูกกางเกงกั้นอยู่เสียดสีกันอย่างแนบแน่น ทั้งคู่ขยับสะโพกแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่างคนต่างลืมสิ่งรอบข้างไปทั้งหมด จมอยู่แต่ความรู้สึกตรงหน้าเท่านั้น จนกระทั้ง...................






ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“ไดจัง~~~~~~~~



ฟัคยู ซัทซึกิ อาโอมิเนะคิด


ทั้งสองยังคงจูบกันอยู่โดยไม่สนใจเสียงเรียกของเด็กหญิงข้างนอกเลย


“ไดจัง!” เด็กสาวตะโกนอีกครั้ง


คราวนี้คางามิกับอาโอมิเนะต้องผละออกจากกันจริงๆ


“อะไร!


“พรุ่งนี้เราจะออกกันกี่โมงนะ?”


อาโอมิเนะถอนหายจริงอย่างหงุดหงิด “รถออก 8 โมงเช้า เราจะออกจากบ้านตอน 6:45 โอเคมั้ย?”


“ขอบคุณน้า ไดจัง แล้วก็ฝันดีนะทุกคน” โมโมอิอารมณ์ดีแล้วก็เดินกลับไปห้องพักตัวเอง


“เราจะมีฝันที่ดีที่สุดถ้าเธอไม่มาถามคำถามที่เธอก็รู้อยู่แล้ว” หนุ่มผิวแทนบ่นงึมงำ





ทั้งคู่หันมามองกัน แน่นอนว่าส่วนล่างที่เริ่มแข็งตึงนั้นทั้งสองรับรู้ดี ทั้งอายทั้งรู้สึกแปลกๆกับอารมณ์ที่เกิดขึ้น




“นะ นายใช้ห้องน้ำที่นี่ก็ได้ ด ดะ เดี๋ยวชั้นลงไปใช้ข้างล่างเอง”


“เอ่อ ขอบคุณ” คางามิรีบตอบแบบอายๆ แล้วลุกออกจากตักร่างโปร่ง เมื่อแยกจากกันแล้วต่างคนต่างรีบเข้าห้องน้ำทันทีโดยไม่ได้พูด หรือ มองหน้ากันเลย









หลังจากที่ทำธุระของตัวเสร็จ อาโอมิเนะกลับขึ้นมาจากห้องน้ำข้างล่าง คางามินั่งรอบนเตียง


“ขอบคุณที่รักษาสัญญานะ” คนตัวโตพูดและให้ไปยิ้มให้กับแฟนตัวเอง


คนถูกขอบคุณลูบท้ายทอยเล็กน้อย “ชั้นอาจจะดูไม่น่าเชื่อถือ ไม่น่าไว้ใจ แต่ก็เป็นคนรักษาสัญญานะ โดยเฉพาะสัญญาของนาย” พูดจบก็ให้ไปยิ้มตอบ แต่ไม่ทันจะได้หายใจเข้ารอยยิ้มเทวดาก็กลายเป็นยิ้มแกมโกงตามสไตล์อาโอมิเนะ ก่อนจะโถมตัวใส่คางามิแล้วกดอีกฝ่ายลงกับเตียง “แต่ในวันที่นายจบการศึกษาเมื่อไหร่ วันนั้นนายเตรียมตัวไว้ให้ดี วันนั้นชั้นจะไม่ควบคุมตัวเองอีกต่อไป ชั้นจะไม่หยุดแล้วเข้าใจมั้ย ไทกะ”



“คิดไว้อยู่แล้วว่าคนอย่างนายต้องพูดแบบนี้ กว่าจะถึงวันนั้นก็เป็นเด็กดีให้ตลอดรอดฝั่งแล้วกันไดกิ ถ้าทำได้ก็จะได้รู้กันว่าจะเป็นยังไง” คนข้างล่างพูดข่มคนข้างบนนิดๆ


“หึ ได้ แล้วเราจะได้รู้กัน” พูดจบอาโอมิเนะก็ปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระ เอื้อมมือไปปิดไฟก่อนที่จะสอดตัวเค้าไปนอนในผ้าห่มผืนเดียวกัน ทั้งสองคนนอนซุกกันทั้งคืนจนถึงเช้า................














ตัวจริงของทุกๆทีมก็มาถึงสถานที่นัด ขณะที่ทุกคนกำลังต่อแถวขึ้นรถบัสตามที่ได้แบ่งไว้อย่างเป็นระเบียบ มีบุคคลกลุ่มเล็กกลุ่มนึงยังไม่ไปต่อแถวแต่จับกลุ่มคุยกันอยู่ข้างหลัง



“ซัทซึกิเมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้นมั้ย?”


“ม่ายเลยน้า แต่มีอยู่ช่วงนึงที่ในห้องไดจังเงียบมากๆ ชั้นสงสัยก็เลยลองเดินไปถามอะไรเรื่อยเปื่อยขัดๆไว้ก่อน เผื่อไดจังควบคุมความหื่นตัวเองไม่อยู่หน่ะ”


“แบบนั้นผมโล่งใจ ขอบคุณมากนะครับโมโมอิซังที่ช่วยเป็นผู้ตรวจตราให้เรา”


“ไม่เป็นไรหรอกเท็ตซึคุง~~ >////<


“แต่มันน่าผิดหวังนิดหน่อย เป็นที่น่าเสียดายสำหรับไม้เบสบอลเหล็กสีทองที่ชั้นอุตส่าห์เตรียมเอาไว้”


//0 [ ] 0//TToTT”//o_o//


“อะไร? มองหน้าชั้นทำไม? หน้าชั้นมีอะไรติดอยู่หรือไง?”



“...............................................................................”






.........................The End.........................