คุกเข่า
Pairing : Aomine Daiki x
Kagami Taiga
Rate : G
Author : *child*
NOTE : อ่านช้าๆนะคะ ค่อยๆอ่าน5555555555 พอดีดูไลฟ์นี้เลยคิดว่าหน้าจะเหมาะกับมิเนะนะ ฮี่ๆๆๆๆ
“เรา........เลิกกันเถอะ”
“เราเลิกกันเถอะ”
“เราเลิกกันเถอะ”
เสียงที่ยังสะท้อนอยู่ในหัว
ดังก้องเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ ......................และเรื่อยๆ
เสียงนั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ยังคงดังอยู่เรื่อยๆอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำไม่ว่าจะได้ยินซ้ำมาซักกี่ครั้ง
เหมือนมีคนมากดหยุดเวลาเอาไว้ ไม่ให้โอกาสเค้าที่จะเดินต่อ
ไม่ให้โอกาสที่จะให้หายใจ ทุกอย่างหยุดลง ลมที่เคยพัดกลับนิ่งสนิท ปลาที่ว่ายก็หยุดลงไปพร้อมกับสายน้ำ
ดาวและเดือนที่เคยประดับอยู่บนฟ้าก็จางหายไป
ดวงอาทิตย์ที่เคยแผดเผาในใจเค้าเสมอกลับมอดไหม้จนกลายเป็นผงธุลีไปพร้อมกับใจ
ใจที่เคยแกร่งยิ่งกว่าภูผา ยิ่งกว่าเหล็กกล้า
ยิ่งกว่าสิ่งใดๆทั้งปวงกลับแหลกเหลวอย่างไม่มีชิ้นดี คนที่แข็งแกร่งกว่าใครๆ
คนที่ใครๆเรียกว่าปีศาจ คนที่ฉายแสงเจิดจ้าเหนือคนอื่นเสมอมา
ในตอนนี้ล้มพับลงอย่างคนอ่อนแรง สายตาแข็งกร้าวที่เอาชนะได้ทุกสิ่งกลับว่างเปล่า
น้ำตาที่ไม่เคยมีใครได้เห็นกลับไหลทะลักลงมาจากตาคู่นี้อย่างไม่มีทางหยุด
ไหลและร่วงหล่นเรื่อยๆเหมือนร่างกายและใจของเค้า หล่นลงไปสู่บ่อที่ไม่มีก้น
ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงที่ตรงไหน ต่อให้พระเจ้าก็ไม่มีทางรู้
ความรู้สึกนี้ไม่ใช่เพียงแค่ความเศร้าเศร้ามันเกินยิ่งกว่านั้น เสียใจมาก
มากจนล้ำเส้นไป มันคือความว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ไร้ซึ่งการตอบสนอง
น้ำตาที่ไหล ร่างกายที่อ่อนแรง
ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกเสียใจแต่เกิดจากการที่ถูกกระชากสิ่งที่ทำให้เค้ามีชีวิตไป
ทุกอย่างสำหรับเค้าแล้วมันคือความว่างเปล่า เค้าไม่รู้ว่าร้องไห้ทำไม
เค้าไม่รู้ว่านั่งที่พื้นทำไม เค้าไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่
ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร ไม่รู้ว่าตัวเค้าเป็นใคร
ได้แต่นั่งเหม่อไปข้างหน้าด้วยหัวที่ว่างเปล่า
ในห้องนอนเค้าตอนนี้มีแต่เสียงเข็มนาฬิกาที่เดิน
แต่ในใจของเค้านั้นกลับไม่มีเสียงอะไรเลย
.
.
ตอนนี้อาโอมิเนะ ไดกิ เอซของโทโอไฮ
เอซของทีมปาฏิหาริย์ ปีศาจหรือสัตว์ประหลาดของวงการบาสเก็ตบอล ไม่เหลือซึ่งเค้าหรือสภาพที่ทุกคนเคยเห็น
ไม่มีซึ่งเสือร้ายที่พร้อมชนกับทุกสิ่ง
ตอนนี้เค้าก็เป็นแค่เด็กชายอายุสิบแปดคนนึงที่พึ่งจบม.ปลาย ที่พึ่งถูกคนรักบอกเลิก
ที่นั่งอยู่ตรงนี้ ที่ห้องนอนของเค้าเอง นั่งอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่ที่พื้น
เค้าไม่ได้ตั้งใจจะนั่งตรงนี้ด้วยซ้ำแต่พอก้าวเข้ามาจู่ๆร่างกายก็หมดแรงล้มพับอยู่ที่ประตู
ตอนนี้เค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะอะไรยังไง ได้แต่นั่นให้น้ำตาไหลไปเรื่อยๆ
เค้าก็ทำได้แค่นั้น ใช่ สุดท้ายเค้าก็รักษาอะไรไว้ไม่ได้เลย รั้งอะไรไว้ไม่ได้เลย
ไม่ว่าเค้าจะแกร่งซักแค่ไหน แล้วไงหล่ะ? เค้าทำอะไรได้บ้าง เค้าทำอะไรไม่ได้เลย
เค้าทำไม่ได้เลย เค้าเองไม่ใช่ใครเลย ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆคนนึงเท่านั้น
“หึ” อาโอมิเนะหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความสมเพชตัวเอง
ใช่....ในเมื่อทำอะไรไม่ได้เลยแล้วจะหยุดอยู่ตรงนี้ทำไม
คิดหรอว่าเค้าจะปล่อยตัวเองให้ออกไปในสภาพนี้ ไม่มีทาง อะไรจะไปก็ปล่อยให้มันไป
ให้ไหลไป เค้ามันก็แค่คนธรรมดาที่ทำอะไรไม่ได้เลย ไม่ได้ซักอย่าง
คิดแล้วก็โมโหตัวเอง น่าสมเพช น่าหัวเราะ น่าขยักแขยง ตัวเค้าเองนี่แหละ
คิดเสร็จอาโอมิเนะก็ลุกขึ้น เหวี่ยงกระเป๋าไปที่เตียงแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำด้วยอารมณ์ปกติ
ท่าทางปกติ เหมือนทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น
แต่เค้าเข้าใจผิด
ไม่มีอะไรปกติเลย
ไม่ได้ไม่รู้สึกอะไรเลย
เค้าไม่ได้กลับไปเป็นเหมือนเดิมเลยซักนิด เค้าแค่ทิ้งมันไว้ก็แค่นั้น ปล่อยมันไว้โดยที่ไม่ได้สนใจความเป็นจริงข้างในตัวเค้าเลยซักนิด
อาโอมิเนะใช้ชีวิตตามปกติทุกอย่าง
ไปเล่นบาส ไปเที่ยว ไปซื้อร้องเท้าบาสคู่ใหม่ ไปซื้อหนังสือปลุกใจเสือป่าเป็นประจำ
ทุกอย่างปกติมาก ใช่ ปกติเกินไป แต่ความปกติของอาโอมิเนะนั้นใช่ว่าโมโมอิจะไม่สังเกต
เธออยู่กับอาโอมิเนะมาตั้งแต่เด็ก เธอรู้ว่าแม้พฤติกรรมที่แสดงออกจะปกติ
แต่สิ่งที่อยู่ข้างใน ใจของร่างโปร่งนั้นไม่ปกติเอาเสียเลย มันช่างว่างเปล่า
ไฟที่เคยลุกโชนในนัยต์ตาหายไป ซึ่งโมโมอิเองก็รู้สึกมาได้ซักพักเลยลองปรึกษาคุโรโกะ
สุดท้ายก็ได้คำตอบเพราะทางฝ่ายนั้นก็มีปัญหาเหมือนกัน
แต่ถึงจะรู้เหตุแล้วเธอก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องของคนสองคน
จนวันนี้เธอเห็นไม่มีอะไรดีขึ้นจึงได้ตัดสินใจถาม
“ไดจัง
มีอะไรรึปล่าวช่วงนี้ดูแปลกๆไปนะ”
“แปลกตรงไหน?
ก็เป็นเหมือนเดิมนั่นแหละซัทซึกิ เธอนั่นแหละที่ถามอะไรแปลกๆ”
ถึงปากจะตอบไปยังงั้น
แต่ตัวเค้าเองรู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีอะไรเหมือนเดิมทั้งนั้น
และก็รู้ว่าที่พูดปัดไปนั้นไม่สามารถหลอกเพื่อนในวัยเด็กของเค้าได้
ถ้าต้องพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้เค้าคงไม่พร้อม ไม่พร้อมเลยจริงๆ
ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนด้วยซ้ำ เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันมาก
โดยที่คนที่บอกเลิกไม่ได้บอกเหตุผลอะไรเลย
แค่พูดประโยคนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงและสายตาจริงจังแล้วทุกอย่างก็หยุดตั้งแต่คำสุดท้ายหลุดออกมาจากปากคนคนนั้น
นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เค้าจำได้
“ถ้าอยากถามอะไรก็รีบถามนะไดจัง
ถ้าอยากพูดอะไรก็ให้พูดดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”
โมโมอิหันมาบอกก่อนเดินนำหน้าไปร้านเบเกอร์รี่ข้างหน้า
...........................เค้าควรทำอะไรซักอย่างหรอ.........................
..........................จะให้เค้าทำอะไร..........................
..........................ตัวเค้าจะทำอะไรได้อีก
ในเมื่ออีกคนได้ตัดสินใจไปแล้ว........................
...........................ตัดสินใจที่จะเดินจากไป..........................
..........................เค้าคงไม่ดีพอ......................
หลังจากวันนั้นอาโอมิเนะก็หายหน้าไป
ไม่ออกไปเจอเพื่อนหรือคนรู้จักอื่นๆอีกเลย ได้แต่อยู่บ้าน
ก็มีบ้างที่ออกไปเดินเล่น ไปเล่นสตรีทบาสบ้างแต่ไม่ได้เจอคนรู้จัก
มันไม่ใช่เหตุบังเอิญที่ไม่เจอกันแต่เค้าเลือกที่จะอยู่คนเดียว คิดอยู่คนเดียว
อยู่กับตัวเค้าเองโดยหันหลังให้กับโลกแห่งความเป็นจริง
ก็แค่รอเวลาจนกว่ามหาลัยที่เค้าได้โควต้านักกีฬาจะเปิด รอเวลาจะไปเรียน
ไปเจอสังคมใหม่ๆที่ไม่ต้องวนเวียนกับหัวใจที่ถูกทิ้งขว้างของเค้า
ทุกๆวัน
ทุกๆนาทีความทรงจำของเค้ากับคนที่เค้ารักยังคงหลอกหลอนเค้า กลับเข้ามา
เค้ายังสลัดมันออกไปไม่ได้ เค้าคิดว่าเวลาจะช่วยแต่ก็ไม่เลยทุกๆอย่างยังคงชัดเจนในหัวของเค้า
ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรพลาดไป ไม่รู้ว่าว่าต้องแก้ตรงไหน
ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร ไม่รู้ว่าต้องแก้ตรงไหน ไม่รู้อะไรเลย
ไม่รู้
ไม่รู้อะไรจริงๆ
สิ่งที่เค้ารู้อยู่อย่างเดียวคือเค้ารักคากามิมาก มากจนเจ็บ จนจะขาดใจได้ขนาดนี้
เค้าเองไม่ใช่คนฉลาดมากนักเลยไม่รู้ว่าพลาดตรงไหน
ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มไปแก้ที่ตรงไหน เค้าก็แค่รัก รักคากามิมาก..........จริงๆ
นานวันเข้าอาโอมิเนะก็ซึมลงเรื่อยๆ
พ่อกับแม่เค้าก็สังเกต ลูกชายคนเดียวที่ปกติจะกวนๆ ห่ามๆ บ้าบาสของเขานั้นเปลี่ยนไปซึมไป
อีกทั้งเด็กชายผมแดงตัวโตที่มักจะมาที่บ้านบ่อยๆ ชวนกันไปเล่นบาสบ้าง เที่ยวบ้าง
หรือไม่ก็มาค้างกับไดกิบ้างก็กลับหายไปพร้อมกับความรู้สึกของลูกชายตัวดีเช่นกัน
ใช่ว่าพวกเค้าจะไม่รู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ถึงแม้จะไม่ได้เปิดเผยออกมาตรงๆแต่จากสายตาที่ลูกมองเด็กชายคนนั้น
พฤติกรรมต่างๆ ท่าทางที่ยอมอีกคนนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เดาได้ไม่ยาก
ทั้งคู่ได้ปรึกษากันอยู่ซักพักว่าจะทำยังไงกับลูกดี
จนในที่สุดก็เป็นที่ตกลงได้ว่าฝ่ายพ่อจะเข้าไปพูดเอง
นายอาโอมิเนะ
พ่อของไดกิเปิดประตูเข้าไปที่ห้องนอนของลูกชาย
สภาพที่เห็นคือห้องที่เรียบร้อยกว่าปกติ
ลูกชายตัวดีของเค้านั้นนั่งดูการแข่งบาสออนไลน์อยู่โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าผู้เป็นพ่อได้เข้ามาในห้องแล้ว
“ไดกิ”
“หือ”
ไดกิหันมาหาด้วยท่าทางตกใจเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้นรึปล่าวไดกิ
ทำไมซึมๆไปหล่ะ”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก
ผมก็แค่............ไม่รู้จะทำอะไรดีก็แค่นั้น”
“หือ คนอย่างไดกิเนี้ยะนะ
บอกมาตรงๆดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราและคากามิคุง”
ไดกิถอนหายใจแล้วเดินไปล้มตัวลงไปบนเตียง
“เค้าไปแล้ว”
“หือ ไปไหน”
พ่อเดินไปนั่งที่เตียงสายตาจ้องมองไปที่ประตู
“จากชีวิตผม......เค้าไปแล้ว”
เสียงของลูกชายแหบพร่าลง “ไปโดยที่ไม่ได้บอกเหตุผลเลย”
พูดจบน้ำตาก็ไหลจากหางตาทั้งสองข้างซึมลงที่นอน
คนเป็นพ่อพูดอะไรไม่ออก
เค้ารู้ว่าลูกกำลังเจ็บมากทีเดียว เค้ารู้ เค้าอยากจะช่วยลูก จะต้องทำยังไง
“เมื่อไหร่”
“เดือนที่แล้ววันที่จบม.ปลาย”
“แล้วได้เจอกันอีกมั้ยหลังจากนั้น”
“ไม่เลย ไม่ได้ยินแม้กระทั้งชื่อ”
พ่อขมวดคิ้ว
“ได้ขอโทษหรือโทรไปหาบ้างมั้ย”
ไดกิหลับตา “ไม่เลย
ก็เค้าตัดสินใจไปแล้ว”
พ่อเม้มปากพลางคิดหาทางแนะนำลูกชาย
“ไดกิ พ่อจะบอกอะไรให้ ไอสิ่งที่เรารักมากๆ หรือคนที่เรารักที่สุด
ที่เป็นชีวิตของเรา ต่อให้เค้าจะตัดสินใจแบบไหนแต่ถ้าเราอยู่ไม่ได้โดยไม่มีเค้า
ก็ไปเอากลับมา ไปคว้ากลับมา ไม่ต้องไปสนว่าอะไรจะเป็นยังไง
ไปเอากลับมาถ้าลูกเชื่อว่านั่นคือคนรักของลูก ก็ไปคว้าเค้าเอาไว้
ไหนๆลูกก็ยอมลดความหยิ่ง ความเอาแต่ใจ ความเอาชนะของลูกเพื่อเค้ามาตลอดไม่ใช่หรอ
การไปตามกลับมาคงไม่มีอะไรให้ต้องเสียอีกแล้ว ไปเถอะไดกิ ไปตามคากามิคุงกลับมา”
พูดจบก็ลูบหัวลูกชายตัวดีก่อนเดินออกจากห้องไป
หลังจากที่เสียงปิดประตูดังขึ้นอาโอมิเนะก็ร้องไห้อย่างหนัก
เค้ารักคากามิมากจริงๆ...............................
“ขอบคุณฮะพ่อ”
ตอนนี้ตัวเค้าอยู่ที่โรงยิมของเซย์รินไฮ
กำลังรอคนรักของเค้า
กึก กึก กึก.................................
เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาข้างหลัง
เค้ารีบหันกลับไปดูแล้วก็พบกับคนที่อยากเจอมากที่สุด
“ไทกะ”
อาโอมิเนะโผเข้ากอดอีกฝ่ายทันที
อีกฝ่ายกอดตอบเบาๆ “นายเรียกชั้นมามีอะไร”
“กลับมาได้มั้ย
เราต้องเลิกกันจริงๆหรอ ชั้นทำอะไรผิดไทกะ บอกชั้นสิชั้นขอโทษไทกะ
ชั้นมันก็แค่คนโง่ๆนายก็รู้บอกชั้นสิไทกะ”
“นายไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีอะไรหรอก
เราก็แค่เลิกกันก็แค่นั้น” คากามิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ร่างโปร่งผละออกมามองหน้าคนตัวโต
“หมายความว่ายังไงไทกะ ชั้นไม่เข้าใจ”
“ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นแหละ
คงจบแล้วนะ”
ขาที่แข็งแกร่งก็ทรุดลง
อาโอมิเนะคุกเข่าลงต่อหน้าคากามิ น้ำตาที่กลั้นไว้ก็เอ่อขึ้นมาจนกลั้นไม่อยู่
“ชั้นไม่เข้าใจ นายไม่มีเหตุผล อย่างน้อยก็บอกสักนิดได้มั้ยว่าทำไมนายถึงต้องเลิกกับชั้น”
“ก็เพราะมันไม่มีเหตุผลไงไดกิ
ก็เหมือนกับความสัมพันธ์ของเราที่มันไม่มีเหตุผลไงไดกิ”
คากามิขึ้นเสียงดังด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือไม่แพ้กัน
“ไทกะ” อาโอมิเนะพูดเสียงแผ่ว
ร่างกายของเขาห่อลงเรื่อยๆจนแทบจะจมลงไปกับพื้น ไหล่ที่สง่านั้นลู่ด้วยความสิ้นหวังและความเสียใจ
ทุกอย่างยังคลุมเครือสำหรับพวกเค้าทั้งสองคน “ชั้นรักนายมากนะไทกะ
รักมากจริงๆและนั่นคือสิ่งเดียวที่ชั้นจะบอกนายได้ มันคือสิ่งเดียวในชีวิตชั้น
ความรักของชั้นที่มีให้นาย” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาเงยขึ้นมองเข้าไปในนัยต์ตาของคากามิ
มันคือใบหน้าและแววตาที่จะไม่มีใครบนโลกได้เห็นนอกจากคนตรงหน้า
“........................................”
คากามิไม่พูดอะไร แค่เบือนหน้าหนีจากสายตาตรงหน้า
สายตาของเค้าเองนั้นก็เต็มไปด้วยน้ำตาไม่แพ้กัน
..........................................END……………………………………………..