เด็กมึนขึ้นห้อง 1
Pairing : Takao Kazunari x Midorima
Shintarou
Author
: *child*
Note : น่าน สุดท้ายก็ดองจริงๆ ขอโทษค่ะ ดองซะเปรี้ยวเลย
เรามาเริ่มเรื่องราวของเด็กน้อยกับพี่ชายดีกว่าเนอะ ^^
สายวันเสาร์ฤดูใบไม้ผลินี้เป็นวันที่ชินทาโร่และแม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในอพาร์ทเมนท์แห่งใหม่
ในเมืองใหม่ กับเพื่อนร่วมตึกใหม่ๆ
ตอนนี้ที่หน้าอพาร์ทเมนท์วุ่นวายไปหมดเพราะพนักงานของบริษัทรับย้ายบ้านที่ขนของลงรถอย่างขะมักเขม้นและคุณแม่ที่คอยบอก
คอยแยกว่ากล่องไหนควรลงก่อน กล่องไหนควรเอาขึ้นห้องก่อน
ทั้งเสียงคุณแม่และเสียงยกของ เสียงสั่งงานนั้นผสมกันให้วุ่นวายไปหมด
ตัวชินทาโร่เองก็ไม่รู้จะช่วยอะไรได้ ถึงแม้เขาจะจัดว่าสูงในเด็กรุ่นเดียวกันแต่ก็เล็กไปสำหรับของพวกนั้นอยู่ดี
ยืนเงียบๆเฉยๆไม่เข้าไปเกะกะคงจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า จนกระทั่ง
“เอ่อ
พี่ครับผมว่าเปียโนน่าจะยกในลักษณะนี้ดีกว่านะครับ
มันจะให้ผลดีกับเปียโนมากกว่าครับ” ชินทาโร่เดินเข้าไปบอกตรงๆกับพนักงานสาม
สี่คนที่กำลังยกเปียโนลงมา พร้อมแสดงท่าทางบอกวิธีการขนเปียโนลง
พนักงานทำหน้างงๆเล็กน้อยกับคำแนะนำที่ได้รับมา
โดยเฉพาะประโยคหลังที่ไม่ค่อยจะเข้าใจนักแต่ก็ทำตามที่เด็กชายบอกอย่างระมัดระวัง
เพราะสายตาของเด็กชายที่จ้องอย่างระมัดระวังมาที่เปียโน
“แบบนั้นแหละครับ ขอบคุณมากนะครับ”
ชินทาโร่ขอบคุณหลังจากเห็นเปียโนของตนลงรถบรรทุกมาอย่างปลอดภัยและถูกต้องตามที่เขาได้บอกไว้พร้อมโค้งน้อยๆ
ก่อนเดินตามแม่ไปเพื่อจะขึ้นลิฟท์ไปพร้อมกับของชุดแรก
แต่เมื่อไปถึงลิฟท์ขนของเขาก็ต้องชะงัก
ในลิฟท์นั้นเต็มไปด้วยกล่องใบใหญ่มากมายเรียงกันเต็มไปหมด
พร้อมกับพนักงานสองคนกับคุณแม่ มันไม่มีที่ให้เขายืนเลย
ให้ไปเบียดหรือปีนขึ้นไปนั่งบนกล่องน่ะเขาไม่ทำหรอก
“ชินทาโร่
เดี๋ยวแม่ขึ้นไปห้องก่อนดีกว่านะ ลูกจะรอก่อนก็ได้
หรือจะขึ้นลิฟท์โดยสารตามแม่ไปก็ได้นะจ๊ะ”
“ผมว่าเดี๋ยวผมขึ้นลิฟท์อีกตัวตามไปและกัน”
เด็กชายพูดหน้านิ่งๆ
คุณแม่ยิ้ม “งั้นก็ขึ้นไปห้อง506นะลูก ระวังด้วยนะลูก” แล้วประตูลิฟท์ก็ปิดไป
“506
506หรอ งั้นก็ชั้น5สินะ”
เด็กชายพูดย้ำกับตัวเองแล้วก็เดินไปที่ลิฟท์ตัวหน้าเพื่อจะรอขึ้น
ระหว่างรอลิฟท์มาอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงผิวปากที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ถือว่าผิวเก่งทีเดียวแค่ผิวปากก็เป็นเพลงขนาดนั้น แต่เด็กชายก็ไม่ได้สนใจอะไรตาเขาจดจ้องอยู่ที่เลขชั้นของลิฟท์เท่านั้น
.........................................................................................................................................................
(เห ไม่เคยเห็นหน้าเลยแฮะเด็กคนนี้ สงสัยจะเป็นคนที่ย้ายมาใหม่มั้ง)
ทาคาโอะเดินผิวปากมาอย่างสบายใจพลางปลายตามองของที่วางกองอยู่หน้าอพาร์ทเมนท์ก่อนเดินไปรอลิฟท์ข้างๆเด็กชาย
ต่างคนต่างยืนเงียบไม่ได้พูดอะไรกัน
ซึ่งตัวเขาเองก็คิดว่ามันน่าอึดอัดเล็กน้อยโดยปกติเขาเป็นคนชอบคุยและเข้ากับคนง่าย
แต่เด็กคนนี้กลับไม่เปิดช่องว่างให้เขาเลย
เอาแต่จ้องเลขลิฟท์อยู่นั่นแหละเหมือนกับว่ามันจะลงมาเร็วขึ้นอย่างนั้น
ช่างเป็นคนที่มนุษย์สัมพันธ์ไม่ค่อยดีเอาซะเลย
ไม่นานนักลิฟท์ก็มา
ต่างคนต่างรีบเข้าไปในลิฟท์
หลังจากที่ทาคาโอะกดชั้นของตัวเองแล้วก็เลยหันไปถามเด็กชาย
“นี่ๆ จะไปชั้นไหนล่ะเด็กน้อย”
เด็กชายหน้ามุ่ยขึ้นทันที “ชั้น5 แล้วก็ไม่ใช่เด็กน้อยด้วย”
(เหยเอาเรื่องแฮะเจ้านี่) ทาคาโอะคิด
“เห นี่โกรธหรอ โทษทีก็ชั้นไม่รู้ว่านายชื่ออะไรนี่นา ชั้นน่ะทาคาโอะนะ ทาคาโอะ
คัทซึนาริ นายล่ะ ไหนๆก็อยู่ชั้นเดียวกันแล้วไม่ทำความรู้จักกันไว้หน่อยหรอ”
คนอารมณ์เสียดันแว่นขึ้นก่อนตอบนิ่งๆ
“มิโดริมะ ชินทาโร่”
“อ๋า ชื่อน่ารักดีน้า งั้นก็ชินจัง”
ทาคาโอะหันไปยิ้มให้มิโดริมะ
“ฮะ อ อะไรนะ ชินจังคืออะไร?”
“ชินทาโร่ ก็ชินจังไง
เรียกง่ายๆน่ารักออก”
“น่ารัก? ตรงไหน? แล้วจู่ๆมาเรียกชื่อกันนี่มันไม่มากไปหน่อยหรอ
ทาคาโอะ”
“ฮะ นี่นาย ไม่มีพี่ เพ่อ
อะไรเลยหรอ..........เฮ้อ แต่ก็ช่างเถอะชั้นน่ะไม่ถือหรอกนะ
จะเรียกคัทซึนาริเลยก็ได้นะ ชิ่นจั๊งงง” พูดแล้วก็ยิ้มตามเคย
“หึม นายนี่มัน”
ชินทาโร่ทำท่าจะโวยวาย แต่ก็เงียบไป
ทาคาโอะที่เห็นอีกฝ่ายเงียบไปก็งงเล็กน้อย
(สงสัยจะไม่ชอบมากๆล่ะมั้ง แต่น่ารักเข้ากับหน้าจะตายทำไมไม่ชอบน้า)
“นี่ๆจะถึงชั้นแล้วนะชินจัง”
เด็กชายไม่ตอบได้แต่ยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างๆ จนกระทั่งประตูลิฟท์เปิดออกมิโดริมะเดินออกจาลิฟท์ไปก่อนตามด้วยทาคาโอะ
ทั้งสองคนนั้นเลี้ยวไปทางขวาเหมือนกัน
(สงสัยห้องจะอยู่ใกล้ๆกันล่ะมั้ง?)
ทาคาโอะนึกในใจ
ทั้งสองคนเดินไปเรื่อยๆจนสุดทาง
ซึ่งห้องที่เหลืออยู่ก็คือห้องของทาคาโอะเองกับห้องเยื้องๆฝั่งตรงข้าม
(อยู่ห้องนั้นหรอ?
แต่ห้องนั้นไม่ว่างนี่นา คุณป้าก็ยังอยู่ หรือจะเป็นหลานคุณป้านะ)
แต่ทั้งสองก็เดินเลยห้องนั้นมาด้วยกัน
ซึ่งก็เหลือห้องของทาคาโอะอยู่ห้องเดียวแล้ว เขางงเล็กน้อยว่าอีกคนจะตามมาทำไมกัน
พอถึงหน้าประตูห้อง506ทั้งคู่ก็หยุดอยู่หน้าประตูและหันมามองหน้ากันแบบงงๆ
“หือ?”
“นี่ นายตามชั้นมาทำไม?”
ชินทาโร่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“หา!
อะไรนะ? ชั้น ตามนายมา? นายเข้าใจผิดแล้วห้อง506นี่มันห้องชั้นนะ ห้องนายน่ะเบอร์อะไร?”
“ก็506ไง ห้องนี้แหละ”
“ไม่ใช่ๆ นายไม่เข้าใจนี่มันห้องชั้น
ชั้นอยู่มาสอง สามปีแล้ว นายนั่นแหละตามชั้นมาใช่ม้า?
อยากได้เพื่อนก็บอกมาไม่ต้องเขิน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ทาคาโอะพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อก่อนจะขำ
สิ่งที่ทาคาโอะทำนั้นไม่ได้ทำให้ชินทาโร่ยิ้มออกเลย
กลับทำให้หน้าบึ้งกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ “แต่แม่บอกว่าห้องเบอร์นี้มันก็ต้องใช่สิ
นี่ก็ต้องเป็นห้องของชั้นสิ”
ทาคาโอะหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยและก้มลงมาพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงนุ่มลง
“หน่า บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ นี่มันห้องของชั้น ห้องของทาคาโอะ คัทซึนาริ
มันจะไปเป็นห้องของชินจังได้ยังไงล่ะ ในเมื่อชั้นอยู่มาตั้งนานแล้วนะชินจัง
นายฟังมาผิดรึปล่าว?”
“ไม่ผิด ห้องนี้แน่ๆที่คุณแม่บอกมา
ยังไงก็ต้องเป็นห้องนี้”
“หรือคุณแม่อาจจะบอกผิดก็ได้นะ”
“ไม่ผิด ยังไงก็ต้องเป็นห้องนี้
ชั้นนี้ ห้องนี้แน่ๆ” เสียงเล็กยืนกรานด้วยท่าทางฉุนเฉียว
ทาคาโอะถอนหายใจเล็กน้อยก่อนยืดตัวขึ้นคุยกับเด็กชาย
“ก็บอกว่าผิดห้องไงชินจัง เอางี้นายเห็นแม่นายรึปล่าว?”
“ไม่เห็น
แต่ก็อาจอยู่ข้างในห้องก็ได้นี่นา”
“จะเป็นไปได้ยังไง
ห้องล๊อคอยู่จากข้างนอกด้วย” คนโตพูดพร้อมเอื้อมไปบิดที่จับที่ไม่ขยับเขยื้อน
“แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าล๊อคจากข้างนอก
อาจจะล๊อคจากข้างในก็ได้”
“ก็ที่จับที่นี่น่ะถ้าล๊อคจากข้างนอกจะบิดไม่ขยับ
เห็นมั้ย? แต่ถ้าล๊อคจากข้างนอกมันจะขยับแต่เปิดไม่ได้เข้าใจ๋?”
พูดแล้วคนสูงกว่าก็สาธิตให้ดู
แต่ชินทาโร่นั้นก็ไม่ยอมแพ้ยังเถียงกลับไป
“แล้วถ้าคุณแม่ล๊อคจากข้างนอกเพราะว่าต้องลงไปเอาของข้างล่างอีกรอบล่ะ”
ทาคาโอเบิกตากว้างเพราะตกใจในความรั้นของอีกฝ่าย
“ฮะ! นี่นาย......โอ๊ย
ชินจังฟังนะนี่มันห้องของชั้น นายน่ะมาห้องผิดจริงๆนะชินจังเชื่อชั้นเถอะ”
“แต่.................”
แล้วทั้งสองก็ยังยืนเถียงกันอยู่หน้าห้อง 506
แบบนั้นโดนมีทั้งฝ่ายที่เหนื่อยใจและฝ่ายที่ไม่ยอมแพ้
สรุปก็ยังไม่มีใครได้เข้าไปในห้องเลย
..........................................................................................................................................................
“ค่ะ ช่วยเอาวางไว้ตรงนั้นก่อนค่ะ
แล้วตู้สองใบนั้นช่วยเอาเข้าไปวางในห้องทำงานด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ” นางมิโดริมะหรือคุณแม่ของชินทาโร่นั้นกำลังยุ่งกับการจัดของอยู่โดยลืมสังเกตว่าลูกของตนยังขึ้นมาไม่ถึงเลย
จนกระทั่ง
“ชินทาโร่
ลูกจะให้เขายกเปียโนลูกไปไว้มุมไหนของห้องลูก?”
“..................................”
“ชินทาโร่?”
“..................................”
คุณแม่หันกลับไปมองรอบๆห้องแต่ก็ไม่เจอลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
“ตายละ ชินทาโร่ไปอยู่ไหนเนี้ยะ เราบอกไปว่าอยู่ห้อง506.......................506!!! นี่มันห้อง406 ตายแล้วลูกขึ้นไปผิดชั้นหรอเนี้ยะ
เรานี้แย่จริงๆ ต้องรีบไปตามแล้ว แย่จริงเรา” ว่าแล้วนางมิโดริมะก็รีบวิ่งออกไปจากห้องเพื่อขึ้นไปหาตัวลูกชายอีกชั้น
..........................................................................................................................................................
“ชินจัง อย่าเถียงสิ
ก็บอกแล้วง่านี่น่ะห้องชั้น ถ้ารู้ว่าผิดไม่ต้องมาเถียงแก้เขินก็ได้หน่า
ชั้นไม่คิดอะไรหรอก”
ชินทาโร่จ้องตาทาคาโอะตาแข็ง
“ไม่ได้เขินอะไรทั้งนั้น ก็ในเมื่อคุณแม่บอกว่าห้องนี้มันก็ต้องใช่สิ
นายนั่นแหละเลิกแกล้งป่วนชั้นได้แล้ว”
“ไม่ได้แกล้งนะ ก็มันห้องชั้นจริงๆนี่เมื่อไหร่นายจะยอมเข้าใจว่าห้องนายไม่ใช่ห้องนี้
นี่มันห้องของชั้นจริงๆนะชินจัง” อีกฝ่ายเริ่มโอดครวญ
“นี่จะลองเข้าไปดูก็ได้นะว่านี่มันห้องชั้นจริงๆ
ดูแล้วจะพาไปหาป้าอเล็กซ์ข้างล่างเลยให้แกช่วยหาห้องของชินจังให้”
“ไม่ต้อง ยังไงชั้นก็มั่นใจว่านี่น่ะห้องชั้น”
คนตัวเล็กกอดอกยืนกราน
แล้วจู่ๆเสียงลิฟท์ก็ดังขึ้นพร้อมกับฝีเท้าที่วิ่งมาทางนี้อย่างเร่งรีบ
ฝีเท้านั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนทำให้ทั้งสองต้องหันไปดูตามทิศทางของเสียงฝีเท้านั่น
ปรากฏว่าเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่ใส่กางเกงสามส่วนกับเสื้อพองๆแนวผู้หญิงๆสีเรียบๆที่วิ่งมาทางพวกเขาด้วยหน้าตาตื่นตกใจ
เธอก็คือ”คุณแม่”ของชินทางโร่หรือนางมิโดริมะนั่นเอง
“คุณแม่”
ชินทาโร่เรียกด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ชินทาโร่ ลูกเป็นอะไรมั้ย?”
คุณแม่หอบหนัก ก่อนจะย่อตัวลงมาถาม “ลูกมาอยู่หน้าห้องนี้นานรึยัง?”
“ก็ซักพักใหญ่ๆแล้วครับ
แล้วคุณแม่ไปไหนมา คนๆนี้น่ะเขาบอกว่านี่น่ะห้องเขา
ผมก็บอกว่านี่น่ะห้องเราแต่เขาก็ไม่เชื่อ” เด็กชายพูดด้วยท่าทีตำหนิคู่กรณีนิดๆ
(ไอเด็กนี่มันร้ายนะ มันร้ายยยยยยย)
ทาคาโอะคิดด้วยสีหน้ายิ้มแบบแค้นนิดๆ
แล้วคุณแม่ก็ลุกขึ้น
และโค้งขอโทษให้ทาคาโอะ ส่วนทาคาโอะเองก็ทำตัวไม่ถูกเพราะความสุภาพที่นางมิโดริมะแสดงออกมาในการขอโทษ
มันดูเรียบร้อยสำหรับเด็กวัยรุ่นอย่างทาคาโอะไปหน่อยแต่เขาก็รับมันไว้ด้วยความเต็มใจอย่างที่สุด
เพราะการเถียงกับเด็กดื้อนั้นมันไม่ง่ายเลยทีเดียว
“ดิฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ
ดิฉันเป็นคนบอกเบอร์ห้องผิดให้กับลูกชายเอง
ชินทาโร่คงจะสร้างความลำบากใจให้คุณไม่น้อย ยังไงก็ขอโทษจริงๆนะคะ”
คุณแม่พูดด้วยน้ำเสียงหวานๆก่อนที่จะโค้งน้อยๆให้อีกครั้ง
ทาคาโอที่ดูยังตกใจกับความสุภาพและเคลิ้มกับเสียงหวานๆอยู่นั้นก็โค้งตอบ
“ไม่เป็นไรครับ ก็ถูกของชินจังแล้วแหละครับที่จะเชื่อตามที่คุณแม่เขาบอกจะได้ไม่โดนคนหลอกง่ายๆเอา”
สีหน้าของคุณแม่นั้นดูโล่งอกเอามากๆ
“งั้นหรอคะ ยังไงก็ต้องขอโทษและขอบคุณที่ช่วยดูชินทาโร่ด้วย
ถ้าเป็นคนอื่นที่ใจร้ายก็ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้างนะคะ คุณ.....?”
“ผมชื่อทาคาโอะ คัทซึนาริครับ
ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณมิโดริมะ”
“อ๋าคุณทาคาโอะ ขอบคุณมากๆนะคะ”
ทาคาโอะเกาหัวเล็กน้อยเพราะความเก้อเขินจากการถูกเรียกว่า”คุณ”
“เอ่อเรียกผมทาคาโอะเฉยๆก็ได้ฮะ ไหนๆก็เป็นเพื่อนร่วมตึกกันก็น่าจะสนิทกันไว้นะฮะ”
นางมิโดริมะยิ้ม
“งั้นเรียกชั้นคุณน้าก็ได้นะจ๊ะ จะได้สบายๆเช่นกัน”
ทาคาโอะไม่สงสัยเลยว่าทำไมหน้าตาของเด็กชายถึงดูจิ้มลิ้ม
เรียบร้อยแบบนั้น ผิวก็ใส ที่แท้ก็ได้มาจากคุณแม่นั่นเอง
เสียอยู่หน่อยตรงที่ดื้อไม่เป็นรองใครกับหน้าบึ้งๆนั่นแหละที่ต่างกับคุณแม่ยิ้มหวานลิบลับ
“ครับคุณน้า
ว่าแต่คุณน้าพึ่งย้ายมาอยู่ที่นี่วันนี้หรอฮะ?”
“ใช่จะ น้าย้ายมาอยู่กับชินทาโร่สองคน
พอดีชินทาโร่ต้องย้ายโรงเรียนมาเรียนแถวนี้เลยต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ก่อนรอจนกว่าคุณพ่อเขาจะทำเรื่องย้ายได้น่ะจะ”
“อ๋อ
งั้นก็ต้องจัดของกันสองคนสินะฮะ ให้ผมไปช่วยมั้ย?”
คุณแม่ทำหน้าดีใจขึ้นมาทันที
“จริงหรอ ถ้าเธอมาช่วยได้ก็ขอบคุณมากๆเลยนะจ๊ะ
ลำพังน้าเองกับลูกไม่รู้จะจัดไปได้ซักแค่ไหนกัน”
“งั้นเดี๋ยวผมขอไปเก็บของ
เปลี่ยนเสื้อก่อนนะฮะแล้วเดี๋ยวตามไปช่วย ว่าแต่คุณน้าอยู่ห้องไหนนะฮะ”
“406จ๊ะ เอ้าชินทาโร่ขอบคุณพี่เค้าสิลูก”
ชินทาโร่ที่ยืนหน้าตึงอยู่ก็ปลายตามาทางทาคาโอะเล็กน้อยก่อนพูดอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“ขอบคุณ ทาคาโอะ”
ตนเป็นแม่ได้ยินลูกเรียกชื่ออีกฝ่ายห้วนๆแบบนั้นถึงกับตกใจ
แล้วหันไปตักเตือนลูกชายด้วยสีหน้าเครียด “พี่สิลูก พี่ทาคาโอะสิ
อย่าเรียกชื่อเฉยๆ”
เด็กชายแสดงอาการไม่พอใจเล็กน้อยก็หันไปขอบคุณแบบตรงๆ
“ขอบคุณครับ พี่ ทา คา โอะ”
เด็กหนุ่มหัวเราะน้อยๆ “ไม่เป็นไร
ฮ่าๆๆๆ จริงๆแล้วให้เขาเรียกชื่อผมเฉยๆได้นะฮะ ผมไม่ถือ จะได้สนิทกันเร็วๆด้วย”
“ไม่ได้หรอก
ชินทาโร่อายุอ่อนกว่าเธอเยอะ คนละรุ่นกันเลย ยังไงก็ต้องมีพี่ถึงจะถูก”
“อ๋างั้นหรอฮะ”
“ใช่ค่ะ งั้นเดี๋ยวเจอกันที่ห้องนะจ๊ะทาคาโอะ
น้ากับชินทาโร่ขอกลับลงไปห้องข้างล่างก่อน”
“ฮะ แล้วเจอกันฮะ”
..........................................................................................................................................................
“คุณน้าฮะ ผมมาแล้วฮะ” เสียงเด็กหนุ่มดังมาจากหน้าห้อง
“เข้ามาเลยๆ น้าไม่ได้ล๊อคจ่ะ”
นางมิโดริมะตะโกนตอบกลับไปขณะจัดจานและหม้ออยู่ในครัว
ทาคาโอะถอดรองเท้าและเดินเข้ามาในส่วนของห้องรับแขกอย่างระมัดระวังเพราะกล่องใบใหญ่ๆที่วางกระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด
นางมิโดริมะ หรือ
คุณแม่ของชินทาโร่ก็เดินออกมาจากห้องครัวเพื่อมารับทาคาโอะ “อยู่นี่เอง
เดี๋ยวเธอไปช่วยชินทาโร่จัดของที่ห้องทำงานกับห้องนอนของเขาแล้วกันนะจ๊ะ
เดี๋ยวส่วนครัวกับห้องรับแขกน้าจะจัดการเองจ่ะ”
“คุณน้าจะจัดคนเดียวไหวหรอฮะ
ห้องครัวของจุกจิกก็เยอะ ห้องรับแขกก็ของใหญ่นะฮะ”
“ไม่ต้องห่วง น้าเองก็ให้พนักงานช่วยจัดของหนักๆไปก็เยอะแล้ว
ชินทาโร่เองก็ช่วยน้าจัดไปเยอะเหมือนกันเลยเหลืออีกไม่เท่าไหร่
เธอไปช่วยเขาจัดเถอะ สองห้องนั้นยังไม่ได้เริ่มเลย” คุณแม่บอกยิ้มๆ
“งั้นผมไปล่ะนะฮะ”
พูดจบทาคาโอะก็รีบเดินไปหาเด็กชายในห้องทำงาน
..........................................................................................................................................................
ก๊อกๆๆ
ทาคาโอะเคาะประตูที่เปิดอยู่เล็กน้อยก่อนเข้าไป
คนข้างในก็หันมาดูเล็กน้อยก่อนหันกลับไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
“ เอ่อ ชินจังมีอะไรให้ชั้นช่วยมั้ย”
ทาคาโอะพยายามผูกมิตรอีกครั้ง
“ที่จริงก็ไม่
แต่ถ้าอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ”
เด็กหนุ่มยู่หน้าเล็กน้อย
(สงสัยจะเสียฟอร์ม ไม่ยอมหลุดมาดเลยน้าชินจัง)
“งั้นชั้นจัดของเรียงชั้นนี้แล้วกันเนอะว่าแต่ชั้นนี้ไว้วางอะไรล่ะ”
พูดจบก็เดินไปหน้าชั้นวางของสูงที่เรียงอยู่ชิดผนังด้านในมุมห้องเป็นแถว
ชินทาโร่เหลือบไปมองอีกคน “นั่นมันชั้นหนังสือ
4กล่องใหญ่ตรงนั้นน่ะ
จัดขึ้นชั้นได้เลย” ว่าแล้วก็หันกลับไปจัดของลงตู้อีกฝั่งนึง
ทาคาโอะยังยืนงงอยู่นิดๆเพราะไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
(เอาวะลองแกะซักกล่องแล้วก็เรียงๆแหละมั้ง)
ทาคาโอะเดินไปลากกล่องหนังสือกล่องแรกมาหน้าชั้นก่อนเอาคัทเตอร์มากรีดสก็อตเทปออก
ข้างในนั้นเต็มไปด้วยหนังสือความรู้ หนังสือเรียนเต็มไปหมด
จนคนโตแอบขยาดนิดๆเพราะไม่คิดว่าเด็กตัวเล็กๆจะต้องอ่านหนังสือเครียดอะไรเยอะแยะขนาดนี้
“นี่ๆชินจัง นี่ของนายหมดเลยหรอ?”
ทาคาโอะหันไปถามอีกคน
“อือ ก็ของชั้นหมดน่ะแหละ”
“หว๋า เรียนเยอะจัง
มีแต่หนังสือเครียดๆทั้งนั้นเลยนะชินจัง ไม่เครียดหรออ่านแต่หนังสือแบบนี้?”
ชินทาโร่ปิดตู้ที่พึ่งจัดเสร็จแล้วลุกไปหาคนโต
“ไม่เห็นจะเครียดตรงไหน นายนั่นแหละเคยอ่านหนังสือกับเค้าบ้างรึปล่าว”
เด็กชายพูดน้ำเสียงเหน็บแนมเล็กน้อย
“แหมชินจังนี่ใจร้ายจังเลยน้า”
ทาคาโอะพูดล้อๆไปพลางหยิบหนังสือจัดไป
“หึ”
ชินทาโร่ไม่สนใจได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาจัดหนังสือต่อ
แต่แล้วตาก็ได้เหลือบไปเห็นหนังสือที่ทาคาโอะหยิบขึ้นมาจัด มันไม่ได้เข้าพวกกันเลย
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ชินทาโร่ไม่ชอบ “นายคิดว่าสิ่งที่นายทำมันถูกแล้วหรอทาคาโอะ”
คนถูกทักทำหน้าเหรอหรา “ฮะ อะไร?
อะไร? ชั้นทำอะไรผิดชินจัง?”
“ชั้นถามว่านายคิดว่านายทำถูกแล้วหรอที่ทำอยู่น่ะ!”
“ก็จัดหนังสือขึ้นชั้นไง ผิดตรงไหน”
“หึ” เด็กชายอารมณ์เสีย
เลยดึงหนังสือออกมาจากมืออีกคน “นายเห็นว่ามันประเภทเดียวกันรึไง ประวัติศาสตร์
พจนานุกรม เลข และความรู้รอบตัว”
“มันก็หนังสือเรียนเหมือนกันนี่”
“แต่มันไม่เหมือนกันไง
นายอ่านชื่อไปออกหรอ?”
“....................................”
(ตกลงเด็กนี่อายุเท่าไหร่กันแน่)
“เอามานี่เลยเดี๋ยวชั้นจัดเอง”
ชินทาโร่แบมือขอหนังสือคืน
“ไม่ต้องหรอก
ชั้นมันสูงนายไม่ถึงแน่ๆ
เอางี้นายบอกชั้นมาดีกว่าว่าจะให้เอาเล่มไหนวางไว้ตรงไหนดีมั้ยชินจัง”
ทาคาโอะพูดด้วยเสียงเล่นๆเหมือนเคย
เด็กชายดันแว่นก่อนพยักหน้า
“เอางั้นก็ได้ แต่ถึงนายไม่ช่วยชั้นก็ทำได้อยู่แล้ว หึ”
ทาคาโอะไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มความรั้นของคนตรงหน้า
ตัวเขาเองไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กตัวแค่นี้จะมีความเป็นผู้ใหญ่มากขนาดนี้
แต่เอาจริงๆอาจเป็นเด็กแก่แดดก็ได้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
..........................................................................................................................................................
แล้วทั้งเด็กมัธยมปลายและเด็กประถมปลายก็ช่วยกันจัดชั้นหนังสือ
และชั้นอื่นๆในห้องอีก จัดไปเถียงไปทะเลาะไปเรื่อยๆจนเสร็จ
ชินทาโร่เดินออกมานอกห้องตัวเปล่า ในขณะที่ทาคาโอะทั้งแบกทั้งลากกล่องเปล่ามาท่วมตัวด้วยเหตุผลที่ว่า
“นายอยากช่วยไม่ใช่หรือไง”
“นี่ๆชินจัง
แล้วเราจะไปจัดห้องนอนนายต่อเลยมั้ย?” ทาคาโอะพูดพลางหอบหลังจากที่เอากล่องไปเก็บ
ชินทาโร่เอียงหน้านิ่งๆหาทาคาโอะเล็กน้อย
“ถ้านายอยากช่วยงั้นก็ไปสิ”
ว่าแล้วทั้งสองคนก็เดินไปต่อกันที่ห้องนอนที่อยู่ด้านในสุด
เปิดเข้าไปก็เห็นว่าเป็นห้องที่ไม่เล็กนัก ขนาดกลางๆ โต๊ะ ตู้เสื้อผ้า
ชั้นวางของต่างๆและเตียงถูกวางไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เหลือจัดเสื้อผ้ากับของต่างๆให้เข้าที่ก็เท่านั้น
ทาคาโอะมองไปรอบๆห้องก่อนถาม “เห ห้องน่าอยู่ดีนี่ชินจังชั้นก็นอนห้องมุมนี้ตรงกับห้องชินจังเลยแหละ
แล้วชินจัง
จะเอาของออกเลยมั้ย? จะจัดอะไรก่อนหล่ะ?”
เด็กชายทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักนึงก่อนตอบ
“งั้นชั้นจัดเสื้อผ้าก่อน ส่วนนายจัดกล่องเล็กกล่องนู้นแล้วกัน
เอาไปวางเรียงตรงชั้นข้างๆประตู”
“กล่องนี้น่ะหรอ?”
ทาคาโอะชี้กล่องเล็กๆข้างตัวเอง
“อือ”
ทั้งสองคนก็ต่างเร่งจัดของเข้าที่
ทีละกล่องๆโดยที่ไม่ได้พูดกันมากนัก อาจเป็นเพราะว่าเริ่มหิวกันแล้ว
คราวนี้ทาคาโอะระมัดระวังมากขึ้นเวลาจะจัดจะเรียงแต่ละอย่าง
นอกจากจะเรียงให้เข้าพวกกันแล้วยังต้องคิดถึงการหยิบใช้ด้วย
ซึ่งแน่นอนทาคาโอะไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเองแต่เป็นชินทาโร่ที่คอยว่าเสียงดังอยู่เป็นประจำ
แม้เจ้าตัวไม่ได้หันมาดูแต่ก็มีเสียงเหน็บแนมดังมาอยู่ตลอด
ทาคาโอะเลยต้องขุดวิชาการงานมาใช้กันเลยทีเดียว
(ตกลงชินจังเป็นน้องหรือเป็นแม่เรากันแน่เนี้ยะฮ่าๆๆๆๆ)
ถึงจะโดนสารพัดสิ่งแต่ทาคาโอะก็ยังขำกับความเป็นเด็กของอีกฝ่าย
และเห็นว่าเป็นเรื่องน่ารักดีถึงแม้บางครั้งจะดูโหดร้ายไปซักหน่อยก็เถอะ
“เน่ ชินจัง
ชั้นว่านายครจะไปเป็นครูนะเห็นเนี้ยบซะขนาดนี้”
“ชั้นไม่ขำ ทาคาโอะ”
“ตกลงจะไม่เรียกพี่จริงๆด้วยสินะ”
“ก็นายไม่ว่าอะไรแล้วชั้นจะเรียกทำไม
นายเองก็ไม่ได้ดูน่าเคารพขนาดนั้น”
“แหมๆๆ ใจร้ายจังเลยนะชินจัง
ว่าแต่นายเล่นเปียโนด้วยหรอ?”
ชินทาโร่หันมาทางอีกคนพร้อมถอนหายใจ
“นายไม่เห็นเปียโนที่ตั้งอยู่ในห้องทำงานรึไง?”
“แหะๆๆๆ นั่นสิเนอะ แล้วนายชอบหรอ?”
“อือ ก็เล่นมาตั้งแต่เด็กรู้สึกว่ามันสบายดีเลยเล่น
ถามทำไม?”
“ปล่าว พอดีสงสัยก็เลยถาม
ว่าแต่โน้ตเยอะเลยน้า ว่างๆเล่นให้ฟังบ้างสิชินจังงงง”
เด็กชายดันแว่นก่อนหันกลับไปจัดของต่อ
“ชั้นไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก”
“แหม่ ว่าแล้วต้องตอบแบบนี้”
“ทาคาโอะ”
ชินทาโร่ขึ้นเสียงเล็กน้อย
“ฮะๆๆๆ” ทาคาโอะหัวเราะเบาๆแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป
กว่าจะจัดของเสร็จก็กลายเป็นว่าทั้งสองคนเถียงกันจนกลายเป็นสนิทกันไปแล้ว..................ถึงแม้จะไม่ใช่ในมุมมองของชินทาก็ตาม
..........................................................................................................................................................
“จัดเสร็จแล้วคร้าบบบบบบ // จัดเสร็จแล้วครับ”
ทั้งสองคนพูดปรสานเสียงกันระห่างเดินมาที่ครัวที่คุณแม่อยู่
“อ้าวเสร็จกันแล้วหรอ
แม่เหลือดูดฝุ่นกับถูพื้นนิดหน่อย”
“งั้นให้ผมช่วยมั้ยครับ?” ชินทาโร่ถาม
คุณแม่ยิ้มพลางส่ายหน้า
“ไม่ต้องหรอกชินทาโร่ แม่ว่าทั้งสองคนช่วยไปซุปเปอร์มาร์เก็ตให้แม่ดีกว่า
มีของต้องซื้อเยอะแยะเลย กลับมาจะได้ทำอาหารเย็นทานกันด้วยดีมั้ยจ๊ะ?
ทาคาโอะก็ทานด้วยกันนะจ๊ะ”
“ขอบคุณฮะ
คุณน้ามีรายการที่จะให้ผมไปซื้อมั้ยฮะ?”
“งั้นรอเดี๋ยวนะจ๊ะเดี๋ยวน้าไปจดมาให้”
คุณแม่พูดก่อนเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี
และก่อนที่ทั้งสองคนจะออกจากห้องไปคุณแม่ก็กระซิบกับทาคาโอะว่า
“ทาคาโอะน้าขอโทษนะลูกที่ต้องว่ายวานให้ไปซื้อของกับชินจัง
ทั้งๆที่เธอก็มาช่วยน้าจัดบ้านแล้วแท้ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกฮะเรื่องแค่นี้เอง”
“พอดีชินทาโร่กับเรื่องอาหารนี่เขาไม่เป็นเลย
น้าเกรงว่าสุดท้ายจะได้ของผิดมาน่ะจ่ะ น้าวานหน่อยแล้วกันนะทาคาโอะ”
“ได้ฮะไม่มีปัญหา”
“งั้นไปแล้วนะครับ”
ชินทาโร่พูดก่อนเดินออกจากห้องพร้อมทาคาโอะ
..........................................................................................................................................................
ณ ซุปเปอร์มาร์เก็ต
ทาคาโอะนั้นเป็นคนเข็นรถ
ส่วนชินทาโร่นั้นเป็นคนคอยหาของ
“พวกผักผลไม้ก็ครบแล้ว
ของใช้ก็ครบแล้ว เหลือพวกเนื้อสัตว์อย่างเดียว ว่าแต่มันไปทางไหนทาคาโอะ”
เด็กชายเงยหน้าขึ้นมาจากแผ่นรายการ
“ไปทางนู้นน่ะ
ว่าต่คุณน้าฝากมาซื้ออะไรบ้างอ่ะ”
“ก็มีไส้กรอก เนื้อหมู ปลา
สะโพกไก่”
“อ๋า ของไม่ยากๆ
งั้นรีบไปกันเถอะชั้นหิวข้าวจะตายอยู่แล้วนา แล้วชินจังล่ะหิวข้าวมั้ย?”
“ไม่”
................ครืด~~~.................
ทาคาโอะพยายามกลั้นขำอย่างเต็มที่กับเสียงท้องร้องของอีกฝ่าย
แต่ดูเหมือนการยับยั้งของเค้ามันจะทำงานได้ไม่ค่อยดี “พรืด ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆหิวก็บอกมาเถอะหน่า
ไม่เห็นต้องเขินเลยชินจัง” ขำไปก็เอามือขยี้หัวเด็กชายไป
ชินทาโร่ปัดมืออีกฝ่ายออกพร้อมมองตาขวางๆ
“มันเรื่องของชั้น ไม่ดูแผนกเนื้อสัตว์ได้แล้ว”
..........................................................................................................................................................
ณ ฝั่งนึงของแผนกเนื้อสัตว์
“เฮ้ย เดินให้มันเร็วๆหน่อยดิ
เดี๋ยวคนก็เลือกชิ้นดีๆไปหมดหรอก จะกินมั้ยไอไก่อบไวน์เนี้ยะ!” เสียงห้าวโวยวายขึ้น
“เออๆ
มาแล้วแวะดูหนังสือแป๊ปเดียวไม่ได้รึไง” เสียงเนือยๆพูดตามมา
“หึ เรียกว่าหนังสือหรอนั่น”
..........................................................................................................................................................
“ชินจางงงงงง
ชินจังไปดูไก่ตรงนู้นก่อนนะเดี๋ยวพวกเนื้อหมูชั้นจะไปดูเอง
ช่วงนี้แม่บ้านเยอะชินจังไม่ทันพวกป้าๆแน่ อย่างลืมเลือกเสร็จ ไปชั่ง
แล้วมารอชั้นตรงนี้นะชินจัง อย่าไปไหนนะรู้มั้ย?”
“รู้หน่า”
หลังจากนัดแนะกันเสร็จทั้งสองคนก็แยกกันไปหาของสด
ในขณะที่ทาคาโอะเดินหายเข้าไปในกลุ่มป้าๆนั้น ชินทาโร่ก็กำลังยืนงง
มือถือถุงใส่ไก่อยู่หน้าตู้แช่ไก่
(ตกลงอันไหนกันที่เค้าเรียกว่าสะโพก
ทำไมไม่เขียนป้าระบุไว้นะ เขียนเป็นบอร์ดรวมราคาแบบนี้จะไปรู้ได้ไงกัน)
ระหว่างที่เด็กชายยืนหน้าบุญไม่รับอยู่อย่างนั้น.........
“นี่ๆ นายหาอะไรอยู่หรอ?” เสียงทุ้มถามเด็กชาย
“ฮะ”
ชินทาโร่ตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆก็มีคนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
ชายหนุ่มตัวใหญ่ยืดตัวขึ้นก่อนหันมายิ้มให้เด็กชาย
“ตกใจสินะโทษทีๆ พอดีเห็นนายทำหน้างงๆอยู่ก็เลยคิดว่ามีอะไรให้ช่วยน่ะ
ว่าแต่อยากให้ช่วยอะไรมั้ย?” พูดจบก็ยิ้มแบบเป็นมิตรให้อีก
ถึงแม้ในตอนแรกชินทาโร่จะตกใจกับการทักของอีกฝ่ายเล็กน้อย
แต่พอเห็นรอยยิ้มที่เป็นมิตรของอีกฝ่ายก็รู้สึกโล่งใจ “ครับ
คือผมไม่รู้ว่าอันไหนเค้าเรียกว่าสะโพกไก่น่ะครับ”
“ฮะๆๆๆๆ อ๋อ แบบนี้นี่เอง”
ว่าแล้วชายหนุ่มก็ย่อตัวลงมาหาเด็กชายอีกครั้งพร้อมชี้ให้ดู “อันนี้ไง
เค้าเรียกว่าสะโพกไก่ อันนี้แหละ”
“อ๋อขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไรๆ ว่าแต่นายจะเอากี่โลหล่ะ”
“คุณแม่บอกให้ซื้อมาโลครึ่งครับ”
“อ๋า งั้นชั้นหยิบให้นะ”
ว่าแล้วมือใหญ่ก็เอื้อมไปหยิบถุงจากมือเล็ก แล้วก็หยิบสะโพกไก่ใส่ถุง
ก่อนทำท่าเหมือนชั่งน้ำหนัก “อ่ะ เท่านี้ก็ได้และ โลครึ่ง”
ชินทาโร่ทำหน้างงเล็กน้อย “แล้วพี่รู้ได้ยังไงล่ะครับว่าหนักโลครึ่งแล้ว”
“ก็ไม่รู้สิ”
คนพี่พูดเสร็จก็ยิ้มอีกครั้ง
“ไอ้หนูลองไปชั่งได้เลย
ถ้าหมอนี่บอกว่าใช่ก็คือใช่” จู่ๆเสียงคมต่ำๆก็ดังขึ้นมาระหว่างทั้งสอง
“แล้วนี่ทำอะไรกันอยู่”
“อ๋อน้องเค้าถามว่าอันไหนคือสะโพกไก่น่ะ
ก็เลยช่วยนิดหน่อย”
“เห ว่าไปแล้วสะโพกไก่เนี่ยะ
มันจะไปดีกว่าสะโพกนะ *พลั่ก* โอ๊ย ไอ้บ้าทำอะไร เจ็บนะเว้ย” พูดยังไม่ทันจบประโยคชายผิวแทนก็โดนชกไปซะแล้ว
“ไอ้หื่น”
หลังจากหันตะคอกใส่เพื่อนเสร็จก็หันมายิ้มให้ชินทาโร่
“นี่นายไม่ต้องไปฟังไอบ้านั่นหรอกนะ เอาไปชั่งสิ จะได้รู้ว่าหนักเท่าไหร่กันแน่
เดี๋ยวชั้นเองก็ตักของชั้นบ้างดีกว่าเนอะ”
“เอ่อ ครับ”
ระหว่างที่ชินทาโร่กำลังเดินเอาไก่ไปชั่ง
“อ้าวคุณคากามิ คุณอาโอมิเนะ สวัสดีฮะมาทำอะไรกันที่นี่ล่ะฮะ”
เสียงของทาคาโอะก็ดังขึ้นมา
“อ๋อ
พอดีหมอนี่อยากกินไก่เลยมาซื้อให้น่ะ” พี่ที่ช่วยเลือกไก่ชี้ไปที่พี่ผู้ชายผิวแทนอีกคน
“เฮ้ย พูดดีๆสิว่ะ
บอกไปสิว่าไก่อบไวน์ เดี๋ยวก็เข้าใจผิดไปนั่น”
ทาคาโอะขำ “อ๋องั้นหรอฮะ
นี่ๆชินจังมาทำความรู้จักกับคุณคากามิ และ คุณอาโอมิเนะก่อนสิชินจัง”
“หือ น้องหรอทาคาโอะ”
“ป่าวฮะ
นี่เด็กที่ย้ายมาอยู่ใหม่ชั้นเดียวกับคุณคากามิและคุณอาโอมิเนะฮะ”
ชินทาโร่โค้งตัวเล็กน้อยก่อนแนะนำตัว
“ผมมิโดริมะ ชินทาโร่ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“โอ้ส สวัสดีชั้นคากามิ
ไทกะนะยินดีที่ได้รู้จัก” คนผมแดงพูดขึ้น
“อาโอมิเนะ ไดกิ ยินดีที่ได้รู้จัก”
คนผิวแทนพูดแนะนำตัวเช่นกัน
หลักจากแนะนำตัว ทำความรู้จักกันเสร็จทาคาโอะกับชินทาโร่ก็ต้องขอตัวกลับก่อน
เพราะกลัวว่าคุณแม่จะรอนานนั่งเอง
..........................................................................................................................................................
ระหว่างทางกลับบ้าน
“นี่ทาคาโอะพี่สองคนนั้นเค้าเป็นเพื่อนกันหรอ?”
ทาคาโอะทำหน้ามีเลศนัยเล็กน้อย
“แหมอันนี้ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันนะ”
“แล้วถ้าไม่ใช่เพื่อนแล้วจะเป็นใคร
ญาติหรอ?”
ทาคาโอะขำเล็กน้อย
“ไอญาติน่ะไม่ใช่แน่ๆ แต่เป็นอะไรกันนี้สองคนนั้นก็ไม่เคยบอกเหมือนกันนะชินจัง”
“เอ๋แปลกจริงๆ”
“ไม่หรอกเดี๋ยวโตขึ้นชินจังก็รู้เองแหละหน่า”
แล้วชินทาโร่ก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ตลอดทางเดินกลับ
เพราะไม่ได้คำตอบที่อยากรู้
..........................................................................................................................................................
“กลับมาแล้วครับ // กลับมาแล้วฮะคุณน้า”
ทาคาโอะและชินทาโร่ต่างหิ้วของพะรุงพรังมาวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวหน้าครัว
แน่นอนว่าคนที่ต้องรับภาระหนักสุดก็คือทาคาโอะเพราะเป็นพี่และตัวโตกว่า
ส่วนชินจังของทาคาโอะนั้นสองถุงใหญ่ๆก็เต็มแก่แล้ว
ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะบอกว่าแค่นี่สบายมาก แต่หน้าแดงๆเพราะความเหนื่อยเนี้ยะมันเป็นคำตอบที่ทำให้ทาคาโอะต้องถือที่เหลือเองทั้งหมดดีกว่า
“แม่ครับให้ผมเก็บของเข้าตู้เย็นเลยนะครับ”
“ไม่ต้องก็ได้จ่ะ แม่ว่าแม่จัดเองดีกว่า
เดี๋ยวลูกกับพีทาคาโอะไปนั่งรอหน้าทีวีเลยนะ”
“ครับ”
..........................................................................................................................................................
“เสร็จแล้วจ้า
มาทานกันได้แล้วนะจ๊ะชินทาโร่ ทาคาโอะ”
“ครับ // คร้าบบบบบบ”
อาหารน่าทานวางเรียงอยู่บนโต๊ะ
ทุกอย่างอาจดูเป็นอาหารเรียบๆแต่แค่เห็นก็รู้ว่าต้องอร่อยแบบไม่ธรรมดาแน่ๆ
กับข้าวทั้งสี่จานนั้นถูกวางเป็นระเบียบเรียบร้อยให้ทุกคนตักได้อย่างทั่วถึง
(สมแล้วที่เป็นแม่ของชินจัง
ระเบียบแม้จานกับข้าวแฮะ ละเอียดสุดไปเลย)
“เชิญนั่งเลยจ่ะทาคาโอะ”
“ฮะๆ ขอบคุณฮะ”
ทั้งสามคนต่างก้มหน้าก้มตาทานข้าวกันอย่างไม่พูดไม่จา
อาจเป็นเพราะว่าความหิวจากการจัดบ้านมาทั้งวันก็เป็นได้
“เออ
น้ายังไม่รู้เลยว่าทาคาโอะอายุเท่าไหร่แล้ว?”
ทาคาโอะเงยหน้าขึ้นมาจากจาน “อ๋อผม18แล้วฮะ”
“งั้นก็อยู่ม 6 แล้วสิ”
“ใช่ฮะ”
“อ๋าชินทาโร่เองก็พึ่ง10ขวบวัยก็ห้างกันเยอะเลย
คงไม่สร้างความวุ่นวายให้ทาคาโอะใช่มั้ยจ๊ะ?”
“ไม่เลยฮะ” เด็กหนุ่มส่ายหน้า “จริงๆผมเองก็มีน้องสาวอายุเท่าๆกับชินจังเลยเข้ากันได้ง่ายน่ะฮะ”
“หึ” คนถูกพาดพิงสงเสียงไม่สบอารมณ์นัก
“เอ๋เธอมีน้องสาวด้วยเหรอจ๊ะ
แล้วตอนนี้อยู่ไหนล่ะ เผื่อจะได้เป็นเพื่อนกันกับชินจัง”
“น้องผมอยู่ที่อีกจังหวัดกับครอบครัวน่ะฮะ
พอดีผมได้โรงเรียนที่นี่ก็เลยต้องมาอยู่คนเดียว”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง งั้นถ้ามีอะไรให้ช่วยหรือเหงาก็มาหาห้องน้าได้เลยนะจ๊ะไม่ต้องห่วง”
นางมิโดริมะพูดไปยิ้มไป
“ได้เลยฮะ”
ทาคาโอะเองก็ยิ้มกว้างไม่แพ้กัน
“หึ” ชินทาโร่ส่งเสียงไม่พอใจอีก
“ชินทาโร่นี่ลูกเป็นอะไร
ฟึดฟัดอยู่นั่นแหละ” คุณแม่หันไปตำหนิลูกชาย
เด็กชายหน้าสลดลงเล็กน้อย “เปล่าฮะ”
“เฮ้อจริงๆเลยลูกคนนี้”
..........................................................................................................................................................
เมื่อทุกคนทานอาหารเย็นกันเสร็จก็ต่างช่วยกันเก็บล้าง
โดยที่ทาคาโอะเป็นคนล้าง ชินทาโร่เป็นคนเก็บจาน ส่วนคุณแม่ก็เช็ดโต๊ะจัดโต๊ะให้กลับมาสวยเหมือนเดิม
และในขณะที่ล้างจานกันอยู่นั้นทั้งสองคนก็ยังไม่วายเถียงกันอีก
“นี่นายคิดว่าล้างแบบนั้นมันจะสะอาดหรอ
ทำแบบนี้สิ” ชินทาโร่ดึงหม้อมาจากมือทาคาโอะแล้วก็เอามาขัดเอง
ทาคาโอะนั้นก็มองคนที่ดึงหม้อจากมือตัวเองไปอย่างยิ้มๆ
ไม่ได้ว่าอะไรเพราะตัวเขาเองกลับเห็นว่าการกระทำของเด็กชายน่ารักเสียด้วยซ้ำ
ถึงแม้จะหัวดื้อและแปลกๆไปหน่อยก็เถอะ “เน่ๆ ชินจังไปรู้วิธีพวกจัดของ
หรือทำความสะอาดมาจากไหนหรอ” ทาคาโอะเท้าซิงค์ถาม
“ก็จากคุณแม่ไง” เด็กชายตอบโดยที่ไม่ได้ละสายตาจากหม้อที่ขัดอยู่
(เหมือนกันอย่างกับแกะจริงๆวุ้ย
แม่ลูกคู่นี้)
“อะ อึ๊บ”
ชินทาโร่ร้องขึ้นขณะเอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำ
ถึงแม้ตัวเขาจะสูงถึงซิงค์แล้วล้างจานได้สบายๆ
แต่ตัวก๊อกนั้นอยู่ไกลไปหน่อยเพราะซิงค์ที่กว้างเลยทำให้เขาต้องเอื้อมไป
“มานี่เดี๋ยวชั้นทำให้
ซิงค์ที่นี่มันกว้างไปหน่อยน่ะ”
ทาคาโอะหยิบหม้อมาล้างต่อ
“เอ่อ ขอบใจ”
“ไม่เป็นไรชิ่นจั๊ง” คนโตยิ้ม
ในขณะที่คนตัวเล็กกลับไปหน้ามุ่ยเหมือนเดิม
หลังจากล้างจานทาคาโอะก็ขอตัวกลับก่อนเพราะนี่ก็เริ่มจะค่ำแล้วและพรุ่งนี้ตัวเขาเองก็มีนัดกับเพื่อนด้วย
“งั้นผมขอตัวกลับเลยนะฮะคุณน้า”
“จ่ะ
แล้วว่างๆก็แวะมาทานข้าวกันอีกนะจ๊ะ”
“ฮะ”
ทาคาโอะยิ้มก่อนเดินออกจากห้องไป
ส่วนชินทาโร่นั้นเข้าไปอยู่ในห้องทำงานซ้อมเปียโนอยู่เรียบร้อยแล้ว เพราะเดี๋ยวเขาต้องไปดูโรงเรียนสอนดนตรีใหม่ที่เมืองนี้
Chapter ended