Sadist’s Love
Pairing : Kiyoshi teppei x Hanamiya Makoto
Rate : G
Author : *child*
Note : ฟิคกากๆ ตามสไตล์สนองความต้องการของตัวเองอีกแล้วฮ่าๆๆๆๆ สะกดคำผิด หรือเขียนชื่อพลาดตรงไหนขออภัยมา ณ
ที่นี้ ด้วยรักจากใจ
เมื่อหนึ่งปีก่อน
“นายไม่เป็นอะไรแน่นะคิโยชิ”
“อ้อ ชั้นจะต้องหายดีแน่นอน จะต้องได้กลับไปเล่นบาสกับพวกนายแน่นอน
พวกเราจะต้องเป็นอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นให้ได้”
“ได้สิเจ้าบ้า แล้วชั้นจะรอ”
กึก
‘กำลังออกมาแล้ว’
ฮานามิยะ
มาโคโตะรีบเดินออกจากหน้าห้องผู้ป่วยไปหลบอยู่ที่เคาท์เตอร์พยาบาล
ทำเป็นยืนหารายชื่อเพื่อนที่อยู่โรงพยาบาลนี้ แต่ละหว่างเล่นละครหลอกพยาบาลอยู่นั้นเค้าก็ยังไม่วายเงี่ยหูฟังว่าพวกเซย์รินกำลังคุยอะไรกันอยู่อีกบล๊อค
ดีที่พวกนั้นคุยกันเสียงดังทำให้พอจับใจความได้ง่ายๆ
“นี่ๆ
พวกเราต้องมาเยี่ยมคิโยชิบ่อยๆนะ ว่าแต่เราจะซื้ออะไรมาเยี่ยมกันดีหล่ะมิโตเบะ”
“.............................”
“เอาเป็นพวกวิตามินบำรุงสุขภาพดีมั้ย”
“วิตามิน กิน แล้ว จิ้น”
“อิสึกิ หุบปาก”
“อ่า
แต่ชั้นว่าน่าจะเป็นอะไรหวานๆนะ เพราะคิโยชิชอบอะไรหวานๆนะ”
“โอ้
งั้นเดี๋ยวเราไปหาซื้อขนมมาเยี่ยมกันเยอะๆเนอะมิโตเบะ”
“............................”
“นี่ อย่ามัวแต่ตามใจนะยะ
เอาอะไรที่มันดีต่อสุขภาพมาด้วย”
“กินของหวาน ต้องเอามีดฝาน
เดี๋ยวเป็นเบาหวาน”
“กลับบ้านไปหาแม่ไป อิสึกิ!!!!!!”
...................ของหวานๆ.................
...................ขนมเหรอ?.................
‘ถ้าเป็นขนมก็คงต้องเป็นช๊อคโกแล็ตสินะ’ เมื่อคิดได้แล้วก็แสยะยิ้มออกมา
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปแสร้งยิ้มให้พยาบาลก่อนโกหกไปว่าจำได้แล้วว่าอยู่ห้องไหน
ฮานามิยะ
เดินกลับไปที่ห้องผู้ป่วยหมายเลขเดิมหยุดแค่ตรงประตูแต่ไม่ได้หันหน้าจะเดินเข้าไป
แค่หยุดยืนหันข้างพร้อมเงยหน้าขึ้นแสยะยิ้มเท่านั้นโดยที่ไม่ได้ปรายตาไปมองภายในห้องเลย
เมื่อสัมผัสได้ถึงแสงพระอาทิตย์อุ่นๆที่ส่องมาเค้าก็เดินออกไปจากประตูตรงนั้น
เดินออกไปด้วยรอยยิ้มที่ยากที่จะคาดเดา
“ทั้งหมดนี่เท่าไหร่”
เมื่อจ่ายเงินแล้วฮานามิยะก็เดินออกมาจากซูปเปอร์มาร์เก็ตด้วยถุงใหญ่ๆในมือข้างนึงสองถุง
อีกมือนึงลวงกระเป๋ากางเกงแบบปกติพร้อมกับเดินมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลที่คนขาเจ็บอยู่
ตึ๊งตึง
ลิฟท์เปิดขึ้นพร้อมขาเรียวที่ก้าวออกมาจากลิฟท์อย่างไม่รีบร้อน
เดินอย่างสบายๆไปที่ห้องเดิม
แต่ก่อนที่จะเลี้ยวไปซอยของห้องนั้นเค้าก็หยุดขาตัวเองซะก่อน และพยายามฟังว่ามีเสียงอะไรดังออกมาจากห้องมั้ยเพราะตัวเค้าเองไม่ได้อยากให้การมาของเค้าเป็นเรื่องใหญ่
เมื่อไม่ได้ยินเสียงโหวกเหวกอะไรเลยเดินมุ่งไปที่ห้องนั้น
ก๊อกๆๆ
“คร้าบบบ”
เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากในห้อง
จึงเปิดประตูเข้าไปแล้วก็พบคนตัวใหญ่นั่งยิ้มอยู่บนเตียงข้างหน้าต่าง
ก่อนหันมาทำหน้างงๆใส่เค้าเล็กน้อย
‘ไม่เห็นโกรธอะไรเลยแฮะ’
“เอ๋ เป็นนายเองหรอ
นึกว่าเป็นพวกฮิวกะซะอีก” ว่าเสร็จก็ยิ้มหน้ามึนใส่
“หา ชั้น?
อ๋อชั้นเองพอดีอยากมาดูซักหน่อยเห็นบอกกันว่าต้องอยู่โรงพยาบาลหลายเดือน”
“อ๋า ก็นิดหน่อยหล่ะนะ”
".................................."
“อ่ะนี่ กินซะ” ฮานามิยะพูดก่อนที่จะโยนถุงลงไปบนเตียง
“โอ๊ย”
อีกฝ่ายกุมขาร้องด้วยความเจ็บปวด
“หือ อ่าวเดี๋ยวเอาออกให้”
คนผมเข้มดูตกใจเล็กน้อยแล้วเดินไปเก็บถุงที่เตียง
ก่อนเดินไปลากโต๊ะทานอาหารคนป่วยมาไว้หน้าคนตัวใหญ่ก่อนจะเทขนมและน้ำลงบนโต๊ะทั้งสองถุงออกจนหมด
จำนวนมันเยอะมากจนมีหล่นไปที่พื้นบ้าง หล่นอยู่บนเตียงบ้าง
“เห นี่มันอะไรเนี้ยะ?”
คนคิ้วหน้าเลิกคิ้วเล็กน้อย
“ของเยี่ยมไง ชอบไม่ใช่หรอขนมไง”
“แล้วไปรู้มาได้ไง
สุดยอดเลยน้าเยอะขนาดนี้ ขอบคุณมากๆนะฮานามิยะ” พูดพลางยิ้ม
“เออๆ กินๆเหอะ”
“อื้อ” ว่าแล้วมือใหญ่ก็เริ่มแกะห่อช๊อคโกแล็ตแท่งหนึ่งจากช๊อคโกแล็ตกองโตข้างหน้า
ก่อนกัดเข้าไปเต็มคำ
“อ๊ะ อ๋า~ ขมปี๋เลยน้า”
“เห”
ฮานามิยะเงยหน้าขึ้นมามองจากที่กำลังเดินเก็บขนมที่หล่นลงที่พื้นรอบๆเตียง “ขมหรอ
นี่ก็เป็นอันที่ชั้นกินบ่อยๆทั้งนั้น จะขมได้ไงกัน”
“ปกตินายกินแบบนี้เหรอ
นี่มันโกโก้ร้อยเปอร์เซ็นเลยนะสุดยอดไปเลยนะกินได้ด้วย”
“แล้วมันผิดตรงไหนเล่า”
คนผมเข้มเข้มขึ้นเสียงเล็กน้อย “ถ้ากินไม่ได้เดี๋ยวเดินออกไปซื้อมาให้ใหม่”
“ไม่ต้องๆ ไม่เป็นไรกินได้แน่นอน
ว่าแต่นายก็มากินด้วยกันสิ”
“ไม่หล่ะ นายกินคนเดียวเหอะ” คนตัวเล็กทำท่าจะเดินไปที่โซฟาสำหรับคนเยี่ยมแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมือให้รั้งข้อมือไว้ก่อน
“กินด้วยกันเถอะ
นี่มานั่งเก้าอี้ข้างๆนี่ไงจะได้กินด้วยกัน”
พูดพลางชี้เก้าอี้ข้างเตียงอีกฝั่งนึงให้ดู
“หือ เออก็ได้”
พูดจบฮานามิยะก็เดินอ้อมไปนั่งที่เก้าอี้นั้นพร้อมกับเริ่มแกะห่อช๊อคโกแล็ตเหมือนกัน
ทั้งสองนั่งกินกันอย่างเงียบๆ
ไม่มีการสนทนาใดๆทั้งสิ้น แค่กินไปเรื่อยๆ ฮานามิยะก็กินไปพลางมองผ้าปูบนเตียงไป
ส่วนคิโยชิก็มองไปที่ผนังข้างหน้าพลางยิ้มน้อยๆตามปกติ
จนกระทั้งอีกคนสังเกตว่าคนตัวโตกัดช๊อคโกแล๊ตของเค้าด้วยสีหน้าไม่สบายนัก
“นี่ถ้ามันขมนักก็กินกับนมสิ”
มือเรียวเอื้อมไปหยิบกล่องนมช๊อคโกแล็ตบนโต๊ะมาก่อนฉีกเปิดฝากล่องให้กว้างขึ้นพอที่จะจุ่มแท่งช๊อคโกแล๊ตไปได้
“นายทำแบบนี้สิ จุ่มลงไปแบบนี้จะทำหวานขึ้นมาหน่อย”
หลังจากทำเป็นตัวอย่างให้คนตัวโตดูแล้วก็ยื่นกล่องนมให้คนข้างๆ
“อ้า ขอบใจมากนะฮานามิยะ” คิโยชิรับกล่องนมมาจากคนข้างๆและลองจุ่มดาร์กช๊อคโกแล็ตลงไปตามที่อีกคนแนะนำมา
“อื้ม หวานขึ้นจริงๆด้วยนะ นายนี่สุดยอดจริงๆเลยนะฮานามิยะ”
คนถูกชมเบือนหน้าหนีไปทางหน้าต่าง
“สุดยอดอะไรกัน ถ้ามันขมก็ต้องจิ้มอะไรหวานๆสิมันถึงจะหาย”
“นั่นหน่ะสินา”
“หึ”
แล้วจู่ๆก็เหมือนฮานามินะจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“แล้วนี่นายไม่ต้องเรียนหรอ” คำถามถูกถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหน่ายๆเหมือนเดิม
“เรียนสิ
แต่ไปโรงเรียนไม่ได้หรอกนะแต่หัวหน้าห้องกับพวกริโกะจะเอาบทเรียนกับโน้ตมาให้อ่านหน่ะ”
“แล้วจะเอามาให้เมื่อไหร่”
“ก็เสาร์นี้แหละ
ริโกะบอกว่าจะรวมพวกโน้ตมาส่วนหัวหน้าห้องก็จะเอาบทเรียนมาด้วย
ก็ทุกๆอาทิตย์แหละนะ” คนตัวโตพูดอย่างไม่ซีเรียสอะไร
“อือ งั้นวันนี้ไปกลับแล้วนะ”
พูดพลางลุกขึ้น
“อ้อ ยังไงก็ขอบใจมากนะฮานามิยะ”
“อือ” คนผมเข้มคว้ากระเป๋าพร้อมเดินโบกมือเล็กน้อยออกไปจากห้อง
ระหว่างเดินกลับบ้าน ก็กำลังคิดว่าบทเรียนของเซย์รินจะเรียนเรื่องเดียวกันมั้ย
คิดอยู่ไม่นานก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรไปถามเพื่อนร่วมทีม “เคนทาโร่”
“ว่าไงฮานามิยะ”
“มีเรื่องให้ช่วยหน่อย”
“เรื่องอะไรหล่ะ”
“ไปหาบทเรียนของปีหนึ่งโรงเรียนเซย์รินให้ที”
“เห.......เอาไปทำอะไรหล่ะนั่น”
“ไม่ต้องถามแค่ไปหามาก็พอ”
“แล้วจะเอาลึกแค่ไหน”
“ก็แค่อยากรู้ว่าเรียนอะไรบ้างในแต่ละเทอมของทุกๆวิชา
เอาหัวข้อหลักๆก็ได้ ไม่ต้องละเอียดถึงเล็คเชอร์หรอก”
“เอ้อ ได้ๆเดี๋ยวจะลองสืบๆดูให้
แต่อย่างนายคงไม่ต้องหาอะไรมากก็สอนได้แล้วมั้ง ฝ่ายนั้นก็ดูไม่โง่หนิ”
“ไปหามาเฉยๆก็พอ”
“คร้าบๆ งั้นวางแล้วนะครับ”
“เออ” เมื่อวางสายไปก็เดินล้วงกระเป๋าหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวไปตามทางกลับบ้าน
โดยที่หัวนั้นไม่ได้หยุดคิดเลย สมองกำลังทำงาน กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
แต่ดูจากภายนอกไม่ว่าใครก็ไม่มีทางรู้ว่าภายในหัวชายคนนี้กำลังคิดเรื่องอะไรอยู่กันแน่ภายใต้ใบหน้าแบบนั้น
..........................................................................................................................................................
ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว
หลังจากการบ้านโรงเรียนทั้งหมดที่ไม่ได้ยากเย็นอะไร
ฮานามิยะกำลังนั่งอยู่หน้าคอมแทนที่จะอ่านหนังสือเล่นตามปกติ
กำลังหาข้อมูลโรงเรียนเซย์รินอยู่
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
“ไงเคนทาโร่” เสียงเฉยๆบุญไม่รับตามปกติของเขาเอ่ยทักขึ้น
“นายอยากได้แบบเป็นเปเปอร์พรุ่งนี้ที่โรงเรียน หรือจะให้ส่งเมลล์ให้”
“เมลล์และกัน”
“อ่ะนี้ส่งไปแล้ว ที่จริงก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะบทเรียนโรงเรียนนั้นอ่ะ
หัวข้อก็คล้ายๆกับโรงเรียนเราแต่ก็มีต่างกันอยู่ไม่กี่จุดใหญ่ๆเหมือนกัน
แต่นายคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกกับบทเรียนพวกเนี้ยะ”
“อื้อ เห็นเมลล์และขอบใจมาก งั้นเจอกันพรุ่งนี้” หลังจากวางสาย
นิ้วเรียวก็คลิกเลื่อนไปดูหัวข้อที่เรียนเรื่อยๆ “ไม่ยากแฮะ” ไล่ดูไปเรื่อยๆ พลางโน้ตจุดที่ต้องเน้นต้องไปหาข้อมูลบ้าง
ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนครบทุกวิชา
..........................................................................................................................................................
เช้าวันอาทิตย์
ขาเรียวเดินอย่างไม่รีบเร่งอะไร
มือนึงถือถุงซุปเปอร์มาเก็ตใหญ่ๆสองใบเหมือนเคยพร้อมเหน็บสมุดโน๊ตขนาดกลางๆมาด้วยหนึ่งเล่ม
ส่วนอีกมือก็ล้วงกระเป๋าตามปกติ มุ่งไปยังโรงพยาบาลแห่งเดิม
เมื่อไปถึงชั้นที่คิโยชิอยู่เค้าก็ทำเหมือนเดิม รอฟังดูก่อนว่ามีใครมั้ยก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องเดิม
ก๊อกๆๆ
“คร้าบ” เสียงตอบรับเดิมๆจากในห้อง
ฮานามิยะเปิดประตูเข้าไปก็เจอคนตัวโตนั่งพิงหมอนอยู่ที่เตียงข้างหน้าต่าวที่เดิม
“โอ้ ฮานามิยะวันนี้ก็มาหรอ”
“อือ อาการดีขึ้นยัง”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เริ่มทำกายภาพเบาๆได้แล้วแหละ”
“ก็ดี เออแล้วได้โน้ตมารึยัง”
ขาเรียวเดินไปวางถุงขนมที่โต๊ะข้างๆเตียง ก่อนไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม
“ได้มาแล้วๆอยู่นี่ไง” มือใหญ่เอื้อมไปหยิบกองชีทและสมุดโน้ตมากมายที่โต๊ะอีกฝั่งนึง
“อึ๊บ นี่ไงได้และ ว่าแต่ทำไมหรอมีปัญหาอะไรรึปล่าว”
“ปล่าว” มือเรียวหยิบชีทมาดู “อ่านแล้วเข้าใจบ้างรึปล่าว”
“ก็นะ เข้าใจบ้างแต่ก็มีที่ไม่เข้าใจบ้างหล่ะนะ ก็ไม่ได้ฟังครูอธิบายนี่เนอะ”
มือยังคงพลิกหน้าชีทไปเรื่อยๆพร้อมกวาดสายตาไล่ไปตามตัวหนังสือ
“ก็เรื่องนี้มันไม่ง่าย แต่ถ้าพอจับใจความได้ก็ฉลุย”
“หือ”
ตาเรียวเหลือบขึ้นมามอง “งั้นจะเริ่มกันตั้งแต่หัวข้อแรกเลยมั้ยวิชาเนี้ยะ”
คนตัวโตทำหน้างงเล็กน้อยก่อนคลี่ยิ้มออกมา “อ๋า
นี่นายจะช่วยชั้นเหรอขอบใจมากๆเลยนะฮานามิยะ”
“ก็แค่ทวนบทเรียนที่โรงเรียนไปด้วยก็แค่นั้น
อย่าเหลิงมากนักเลยคิโยชิ”
“โอ้เป็นแบบนั้นเอง แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะ”
แล้วทั้งสองคนก็ติวบทเรียนกัน ทีละหัวข้อที่ละวิชาไปเรื่อยๆ
การอธิบายของฮานามิยะนั้นทำให้ง่ายต่อความเข้าใจมากๆ และละเอียดมากๆด้วย
ไม่รู้ว่าจำทั้งหมดเข้าไปได้ยังไง ส่วนคิโยชิเองก็เข้าใจได้เร็วอย่างไม่มีปัญหา
เพราะปกติเขาก็เป็นคนที่เรียนดีอยู่แล้ว สมกับที่สมาชิกในชมรมบาสบอกว่าคิโยชิหน่ะฉลาดเขาเข้าใจทุกอย่างได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
ติวกันไปกินขนมกันไปจนค่ำ
“เห นี่มืดแล้วเหรอเนี้ยะ ไม่ได้รู้สึกตัวเลยน้า”
คนตัวใหญ่พูดพลางบิดขี้เกียจ
“วันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนและกัน
นี่ก็ทันเพื่อนๆที่เรียนไปในอาทิตย์นี้ได้แล้วแหละ”
“อ้อ ขอบใจมากๆเลยนะฮานามิยะ นายช่วยชั้นได้มากเลย”
“อือแล้วอย่าลืมทวนที่อ่านๆไปวันนี้ด้วยหล่ะจะได้ไม่ลืม”
“ได้เลยไว้เจอกันอีกนะ”
“อือ” ระหว่างที่ขาเรียวกำลังจะก้าวออกจากห้อง
“นี่ฮานามิยะ” เสียงของคนขาเจ็บก็รั้งเค้าเอาไว้
“นายหน่ะต้องมาอีกนะ.......รู้มั้ย”
หน้าที่เรียบเฉยอยู่เสมอผงะเล็กน้อย “เออ” ก่อนก้าวขาออกไปจากห้อง
..........................................................................................................................................................
และเหตุแบบนี้ก็เกิดขึ้นทุกๆอาทิตย์ ฮานามิยะจะไปเยี่ยมคิโยชิทุกๆวันอาทิตย์
แต่อาทิตย์นึงก็ไปประมาณสองสามครั้งแต่ใช้เวลาไม่นานนักถ้าไม่ได้ติว
ทั้งสองคนยังไม่พูดอะไรกันมากก็แค่ประโยคต่อประโยคเท่านั้น
ก็เหมือนขั้วสองขั้วที่แตกต่างกันอย่างสุดโต่งมาอยู่ด้วยกัน
อีกคนหนึ่งดำอีกคนกลับขาวสะอาด อีกคนคือพระอาทิตย์แต่อีกคนกลับเป็นพระจันทร์ซะงั้น
เลยอาจทำให้เข้ากันยากหน่อยแต่เพราะทั้งสองคนไม่ได้ปฏิเสธที่จะเข้าหากันเลยไม่มีปัญหาอยู่กันตามปกติ
ความสัมพันธ์ของเค้าทั้งคู่ก็ไม่ใช่เพื่อนแต่ก็ไม่เชิงศัตรูซะทีเดียวและนั่นคงเป็นสิ่งที่กำลังตีอยู่ในหัวฮานามิยะตอนนี้
ตอนนี้ฮานามิยะกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเล็กน้อย
เพราะความคิดมากมายในหัวทำให้เค้าอ่านหนังสือเล่มใหม่ไม่รู้เรื่อง
และนั่นไม่ใช่เรื่องดีแน่
พรึบ..............ผลัก
เสียงหนังสือกระแทกกับผนังห้อง ใช่ เค้าเป็นคนปาไปเอง
ก็ในเมื่ออ่านไม่รู้เรื่องแล้วจะอ่านไปทำไม คิโยชิตอนนี้นายมันก็แค่ขยะ
ไม่ว่าจะเก่งมากแค่ไหน
จะอัจฉริยะมาจากไหนนายก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นหลังจากที่นายใช้ขานายไม่ได้แล้วคิโยชิ
ทำไมกัน.............
คิดแล้วฮานามิยะก็ลุกขึ้นปาลูกดอกไปที่กลางเป้า ‘นายเป็นใครกันคิโยชิ’
จริงอยู่ที่เจอกันบ่อย
แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฮานามิยะอ่อนข้อให้กับคิโยชิหรือคิดที่จะขอโทษคิโยชิเลย
ช๊อคโกแล็ตยังเป็นแบบดาร์กเสมอถึงแม้ว่าจะลดเป็นแค่แปดสิบเปอร์เซ็นแล้วก็ตาม
คำพูดก็ยังไร้อารมณ์กวนประสาทอยู่เช่นเคย และทุกครั้งที่เจอก็ต้องมีคำพูดแทงใจคิโยชิอยู่เรื่อยไป
แต่ทำไม
ทำไมอีกคนถึงไม่แสดงท่าทีเจ็บปวดหรือโกรธหรือเสียใจออกมาให้เห็นเลยและนั่นทำให้เค้าหัวเสียมากๆ
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
และร่างบางก็ได้หัวเราะออกมาอย่างคลั่งๆในห้องนอนของเขาเอง
..........................................................................................................................................................
วันนี้ร่างบางก็กำลังจะไปโรงพยาบาลแห่งเดิมเพื่อไปเคลียร์เรื่องที่อยู่ในหัวเมื่อคืนจนทำให้เค้าไม่ได้นอนเลย ตัวเค้าไม่ได้ไปหาคนไข้ตัวเปล่า เช่นเคยวันนี้เค้าซื้อทาร์ตผลไม้ไม่หวานมากไปให้อีกคนด้วย
จะต่างกับปกติก็ตรงที่ว่าขาเรียวก้าวเร็วกว่าปกติก็แค่นั้น
เมื่อไปถึงหน้าห้องก็ได้ยินที่คุณหมอกำลังคุยกับคิโยชิ
“อีกอาทิตย์นึงก็กลับได้แล้วหล่ะนะ
คิโยชิ ในเมื่อทำกายภาพแล้วดีขึ้นมากขนาดนี้”
“อ้าดีจังเลยนะครับ”
“แต่ก็อย่าหักโหมมากหล่ะคอยพันเข่าไว้ด้วยจะได้ไม่ทรุดไปซะก่อน”
“ครับๆ”
แล้วคุณหมอก็เดินออกจากห้องมาสวนกับฮานามิยะที่เดินเข้าไปข้างในห้อง
“ไงๆ จะหายแล้วสินะ ยินดีด้วยและกันแล้วนายหน่ะ
ยังจะกล้าลงเล่นบาสอีกหรอ” น้ำเสียงยียวนกวนประสาทออกมาจากปากบาง
“ก็ชั้นรักมันแล้วทำไมจะไม่กลับไปเล่นอีกหล่ะ”
คนตัวใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงยิ้มๆซึ่งนั้นทำให้อีกคนไม่สบอารมณ์นัก
“ไม่ว่าจะลงอีกกี่ครั้งนายก็เป็นขยะไปแล้วคิโยชิ”
พูดพลางวางกล่องทาร์ตลงบนโต๊ะ
“ฮานามิยะ”
คนตัวสูงขึ้นเสียงใส่เค้าซึ่งนั่นทำให้ยิ้มออกได้ไม่น้อย
“หวังว่านายคงยังไม่ลืมความรู้สึกเจ็บตอนที่ล้มลงไปกับพื้นสนามได้หรอกนะ
คิโยชิ” แล้วหันมามายิ้มให้คนที่อยู่บนเตียง
“นายอยากได้อะไรกันแน่
อยากจะพูดอะไรกันแน่” คิโยชิถามเสียงเครียดกลับไป
“ก็ไม่ได้อยากได้อะไรซักหน่อย
ก็แค่อยากให้จำเอาไว้กลัวจะลืมไปซะหล่ะนะ”
“นาย”
คนตัวสูงพูดด้วยน้ำเสียงขัดเคืองก่อนดึงข้อมืออีกคนที่ท้าวไว้กับเตียงลงมาประทับริมฝีปาก
ถึงไม่ได้ทีการลุกล้ำใดๆแต่ก็หนักหน่วงพอสมควรก่อนผละออกจากกัน “ชั้นไม่มีวันลืม ฮานามิยะ”
สายตาแกร่งจ้องเข้าไปในนัยต์ตาของอีกคน
ฮานามิยะตกใจและผละออกมา
ก่อนจะกระชากคอเสื้ออีกคน “นายทำอะไร ทำไมคิโยชิ ทำไม
นายมันก็แค่ผู้เล่นที่มีพรสวรรค์ ที่ตอนนี้กลายเป็นแค่เศษขยะ
แต่ทำไมกันทำไมคิโยชิทำไม
นายถึงกล้าที่จะมองชั้นแบบนี้ทั้งๆที่นายไม่มีอะไรเหลือเลย ทำไม”
คนตัวเล็กตะคอกถามอีกคน อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรแต่ใช้มือใหญ่ๆรั้งหน้าอีกคนลงมาจูบอีกครั้ง
เป็นจูบที่ร้อนแรงทีเดียว ร่างบางใช้มือจับหน้าร่างสูงให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ
อยากให้อีกฝ่ายทำตามที่ตัวเองต้องการ
ทั้งสองคนจูบกันอยู่ซักพักจนฝ่ายคิโยชิต้องผละออกเพราะหมดลมก่อน
“แฮ่กๆๆ นายไม่ตอบคำถามชั้นคิโยชิทำไม
นายทำดีกับชั้นทำไมเล่นละครอยู่รึไง”
“ถ้านายจะคิดแบบนั้นก็ได้นะฮานามิยะ
เพราะจริงๆแล้วที่ผ่านมาตั้งแต่นายมาดูชั้นหลังจากเกมจบที่โรงพยาบาลนายก็รู้คำตอบอยู่แล้ว
นายรู้อยู่แล้วฮานามิยะ” ร่างสูงพูดเสียงนุ่ม
“หึนายนี่มัน” ปากบางแสยะยิ้มออกมาก่อนเดินไปหยิบทาร์ตมาวางลงบนเตียงให้คนขาเจ็บ
“อ่ะนี่ วันนี้เป็นทาร์ตผลไม้ กินซะ”
“มากินด้วยกันสิ”
“ไม่ วันนี้มีซ้อมอีกจนค่ำ นี่โดดมา
ยังไงก็กินให้อร่อยและกัน” พูดจบร่างบางก็หยิบกระเป๋าเตรียมกลับ
.
.
.
“วันนี้ชั้นจะมาเป็นวันสุดท้าย เจอกันอีกทีตอนวินเทอร์คัฟ
ที่สำคัญนายเองก็จะต้องกลับไปเป็นขยะอีกครั้งคิโยชิ”
..........................................................................................................................................................
........วินเทอร์คัพรอบคัดเลือก..........
หลังจากที่แข่งระหว่างชูโตคุกับเซย์รินจบลงพร้อมกับการแข่งคู่ของเค้า
ฮานามิยะก็รีบแต่งตัวแล้วบอกทีมว่าออกมาทำธุระข้างนอกแป๊บนึงเดี๋ยวกลับไป
ขาเรียวเร่งเดินไปทางเดินสำหรับนักกีฬาที่จะออกไปข้างนอกแล้วก็เห็นที่นั่งในมุมมืดๆ
‘พวกนั้นต้องออกมาทางนี้อยู่แล้ว
นั่งรอตรงนี้ก็ได้มั้ง’
ตึก ตึก ตึก ตึก
..........เสียงคนเดินหนิ...........
“นี่ๆแต่เกมวันนี้สุดยอดไปเลยน้ามันสุดๆไปเลยเน้อมิโตเบะ”
“....................................”
“เอาแหละต่อไปก็ศึกหนักอีกหล่ะนะทุกคน”
“ใช่”
“ยังไงก็ต้องชนะผ่านเข้าไปในวินเทอร์คัพให้ได้เซย์รินไฟท์”
“อยากเข้าวินเทอร์คัพ
ต้องกินมาม่าคัพ”
“อิสึกิ!!!!!!! แม่นายไม่อยู่เหรอกลับไปหาพ่อไป!!!!!!”
ตึก ตึก ตึก
..................หือแสงอุ่นๆนี่อีกแล้ว..................
“อ่า พวกนายออกไปก่อนนะ
พอดีนึกได้ว่าชั้นลืมของไว้ที่ห้องเก็บตัวหน่านะเดี๋ยวกลับไปเอาก่อน”
หลังจากที่ทุกคนเดินนำไปไกลแล้วคนตัวโตก็หันมาหาคนที่กำลังนั่งรออยู่
ใช่ ฮานามิยะกำลังรอเจอคิโยชิอยู่ “ไงๆ ชั้นหน่ะอดใจรอเจอนายแทบจะไม่ไหว
อยากจะแข่งกับนายจะตายอยู่แล้วนะเนี้ยะ”
ร่างบางพูดเหน็บแนมตามปกติ แต่ครั้งนี้ร่างสูงทำหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
แต่ฝ่ายฮานามิยะก็รู้อยู่แล้วว่าคิโยชิไม่อยากเจอเค้าในฐานะนักกีฬาหรอก
วิธีการเล่นมันต่างกันเกินไป อีกฝ่ายคงไม่ค่อยพอใจนักกับที่เค้าทำในเกมวันนี้
“เอาหล่ะ ก็แค่อยากมาทักทายแหละนะ
แล้วเจอกัน” ว่าแล้วก็เดินหันหลังกลับไปหาทีมตัวเอง
เค้าก็แค่อยากเห็นหน้าอีกฝ่ายก็แค่นั้น
เห็นว่าหายดีแล้วก็อยากดูว่าหายแล้วเป็นยังไง เพราะปกติที่เจอกันก็อยู่บนเตียงตลอด
แต่ก็ใช่ว่าจะคิดถึงอะไรหรอกแค่อยากเห็นหน้าคนที่เค้าจะฉีกเป็นชิ้นๆก็เท่านั้นเอง
เค้าแทบอดใจไม่ไหวที่จะได้อยู่บนสนามเดียวกันกับไอรอนฮาร์ทคิโยชิอีกครั้ง
..........................................................................................................................................................
วันที่เค้าต้องแข่งกันก็มาถึง.....................................
มันเป็นศึกระหว่างทีมที่เป็นแสงสว่างเล่นด้วยวิธีที่ขาวสะอาดที่สุดอย่างเซย์รินและทีมที่อยู่ในมุมมืดใช้วิธีสกปรกที่สุดอย่างทีมของเค้าคิริซากิไดอิชิ
ตั้งแต่เปิดเกมทุกคนก็เล่นกันอย่างเต็มที่เช่นกันทั้งสองฝ่าย
ฝ่ายของเค้าพยายามทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บมากที่สุดโดยเฉพาะเจ้าคิโยชินั่น
รวมถึงคนอื่นๆด้วยจะให้เจ็บกันไปทุกๆคน
และพยายามยั่วโมโหฝั่งเซย์รินให้มากที่สุดเพื่อที่จะทำฟาวล์ ทุกๆอย่างนั้นอยู่ในกำมือของร่างเล็กที่เป็นกัปตัน
เค้าเป็นคนออกคำสั่งทั้งหมด
ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเจ็บมากเท่าไหร่เค้ายิ่งรู้สึกมีความสุข
แต่นั่นใช่ความสุขจริงๆหรอ?
อีกเสียงนึงในหัวเค้าบอกให้พอ
บอกให้หยุดทำร้ายคิโยชิ
เท็ปเปไปมากกว่านี้
แต่เค้าเองก็หยุดไม่ได้
เค้าไม่อยากให้อีกฝ่ายเล่น ถ้ายิ่งเล่นก็ยิ่งเจ็บอยากให้ออกๆไปจากสนามนี่ซักที
ทำไมต้องทำเรื่องบ้าๆ
มาเจ็บเพื่อให้ทีมตัวเองชนะเนี้ยะนะ เจ้าคิโยชินั่นบ้าไปแล้ว
และแล้วสติของฮานามิยะ
มาโคโตะก็ขาดผึ่งเมื่อเค้าเห็นคิโยชิไปรับอาการบาดเจ็บแทนทุกคน เอาตัวไปรับแทน
นั่นทำให้ร่างบางโมโหที่สุด
หัวเสียมากเมื่อเห็นคนบ้าๆที่แสร้งทำเป็นคนดีทำอะไรห่ามๆแบบนั้น
จึงยิ่งสั่งให้ลูกทีมของเค้าเล่นหนักขึ้นไปอีก ยิ่งเค้าเห็นตามตัวอีกฝ่ายมีแต่รอยฟกช้ำเค้ายิ่งสะใจ
สะใจจริงๆหรอ
ไม่ใช่ความโมโหหรอ
ความโมโหที่เกิดจากการเห็นที่อีกฝ่ายรับบาดแผลแทนเพื่อนร่วมทีม
เกมก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคิโยชิสภาพร่างกายไม่ไหวโค้ชจึงต้องขอเปลี่ยนตัว
ในใจของร่างบางรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก เหมือนตัวเองทำสำเร็จแล้ว
ว่าแต่อะไรกันที่สำเร็จ?
ทำให้อีกฝ่ายไม่ต้องมาเล่นเกมที่โหดร้ายของเค้างั้นหรอ?
ไม่ต้องมาทนเจ็บกับการเล่นของเค้างั้นหรอ?
สุดท้ายมันสมองอัจฉริยะอย่างเค้าก็ต้องแพ้ให้กับทีมเซย์ริน
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ต้องยอมรับความพ่ายแพ้นี้ มันทำเค้าเจ็บใจมาก
แต่สุดท้ายฮานามิยะก็เดินไปเพื่อจะไปพูดกับคิโยชิ เค้าอยากขอโทษ
อยากจะแสดงความยินดีด้วย
แต่...........................................
สุดท้ายตัวตนความซาดิสต์ของเค้าก็แทรกขึ้นมาอีกครั้ง
บ้าเอ๊ย ใครให้ออกมาตอนนี้
มันไม่ใช่สิ่งที่ชั้นอยากจะพูดนะ
คิโยชิ เท็ปเป ชั้นขอโทษ
ยินดีด้วยนะ
ไอเวรเอ๊ย ทำไมปากไม่ขยับนะ
“ฮานามิยะ
ลูกที่ชู้ตเมื่อกี้นี้มันสุดยอดมากๆเลยนะ คราวหน้าเรามาเล่นบาสด้วยกันอีกนะ” คนตัวโตหันมาพูดพร้อมสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
เจ้าคิโยชินั่น หึ
สุดท้ายนายก็เป็นคนที่รู้ทุกๆอย่างจริงๆสินะ รู้โดยไม่ต้องพูดอะไร
รู้แม้กระทั่งความคิดคนซาดิสต์อย่างชั้น ไอบ้าเอ๊ย
“ได้และเวลานั้นชั้นจะฉีกพวกนายให้เป็นชิ้นๆทุกคน” ร่างบางแสยะยิ้มและเดินจากไป
.
.
.
.
.
ตกลงความสัมพันธ์ของเรามันเป็นยังไงกันแน่คิโยชิ...........เราคิดอะไรกันอยู่นะเจ้าบ้า
................................จบ...............................