2014-01-17

เด็กมึนขึ้นห้อง (Intro)


เด็กมึนขึ้นห้อง (Intro)
Pairing : Takao Kazunari x Midorima Shintarou
Author : *child*
Note : จะลองแต่งฟิคยาวดูค่ะ แต่ไม่รู้จะไปรอดจนจบไป กลัวจะดอง ฮ่าๆๆๆๆๆ




“นี่ทาคาโอะคุง มีของมาส่งแหนะ กล่องซะใหญ่เลย สงสัยคุณแม่จะส่งของมาให้อีกละมั้ง”


เด็กหนุ่มดึงหูฟังออกและหันมาทำหน้ามึนๆเล็กน้อยใส่คุณน้าเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ที่นั่งเท้าคางอยู่ในออฟฟิสของอพาร์ทเม้นท์


“เห ของหรอฮะ พึ่งส่งมาเมื่ออาทิตย์นี่นา” ว่าแล้วก็เดินเข้าไปในออฟฟิส “เอ่อ แล้วกล่องของผมอยู่ไหนหล่ะฮะ” ทาคาโอะถามหลังจากที่เค้าใช้สายตาที่ดีเป็นพิเศษของเค้าสแกนหากล่องไปรอบๆห้องแต่ก็ไม่เจอ


คุณน้าเลยถอดแว่นและหันมาหาเด็กหนุ่ม “อ๋อ รู้สึกริโกะจะเป็นคนรับนะของหน่ะ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเอาไปไว้ไหนเหมือนกันลองเดินเข้าไปถามในครัวสินางอยู่ครัว” พูดเสร็จก็หันหน้ากลับไป





ได้ยินดังนั้นขาผอมๆก็ค่อยๆย่องไปห้องครัวด้านหลังออฟฟิสอย่างเบาฝีเท้าที่สุด เค้าไม่อยากถูกขว้างด้วยมีดเวลาอีกฝ่ายตกใจ นี่เค้าพูดได้เลยว่าการที่อีกฝ่ายเข้าครัวไปเนี้ยะมันคือหายนะของอพาร์ทเม้นท์นี้อีกแล้วแหงๆ คงได้ชิมอาหารพิสดารกันทั่วทุกห้องแน่ๆ เมื่อเค้ายิ่งเข้าไปใกล้ห้องครัวเท่าไหร่กลิ่นประหลาดๆก็แรงมากขึ้นเท่านั้น มันเหมือนกลิ่นแปลกๆที่ผสมกับความฉุนของพริกไทย ช่างเป็นกลิ่นที่บรรยายไม่ถูกจริงๆ ทาคาโอะค่อยๆเบาฝีเท้าลงเรื่อยๆพอถึงหน้าห้องครัวก็ชะโงกเข้าไปดู เค้าเห็นริโกะหันอะไรก็ไม่รู้อย่างคล่องแคล่วแล้วใส่ลงไปในกระทะที่ดูเหมือนจะเป็นต้มก็ไม่ใช่ผัดก็ไม่เชิง แต่สัญชาตญาณมันบอกเค้าว่าไอ้อะไรสักอย่างในนั้นต้องทำเค้าท้องเสียแน่ๆ พอนึกถึงชะตากรรมแล้วก็สลัดความคิดแย่ๆออกไปจากหัวดีกว่า มือเรียวค่อยๆเคาะประตูห้องครัวอย่างนุ่มนวลเพื่อไม่ทำให้เสียงดังแบบกะทันหันจนอีกฝ่ายตกใจ



“หือ” หญิงสาววัยมหาลัยหันหน้ามา “อ้าวทาคาโอะคุง กลับมาแล้วหรอ จะมาเอาของที่แม่ส่งมาให้หล่ะสิ”


รู้ดีแฮะ“อ้อ แล้วเจ๊เอาไปไว้ไหนอ่ะ”


อีกฝ่ายค่อยๆหันมาแบบหนังแผ่นกระตุก เอื้อมมือไปหยิบช้อนและขว้างใส่เค้าอย่างรวดเร็ว “พี่สาวสิยะ เจ๊อีกและเรียกอะไรให้มันสวยๆหน่อยเดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย”


“แหะๆๆๆ โทษๆ แล้วของอ่ะอยู่ไหน?”


“อยู่บนโต๊ะนั่นหน่ะ” ริโกะพูดพลางชี้ไปโต๊ะกลางห้องครัว


“อยู่นั่นเอง ขอบคุณมากนะคร้าบบบบบ”





..........................................................................................................................................................






“อืม แล้วตกลงเราจะเอายังไงดีหล่ะคุณ จู่ๆคุณก็ต้องทำงานที่นี่ต่อ แต่ชินทาโร่ลาออกจากโรงเรียนที่นี่เรียบร้อยแล้ว โรงเรียนใหม่ที่นู่นก็สมัครพร้อมจ่ายค่าเทอมไปแล้วด้วย” หญิงวัยกลางคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกลุ้มใจ
“งานผมเองก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ด้วยที่นี่ไม่มีคนช่วย ต้องรออีกตั้งหนึ่งปีแหนะกว่าจะย้ายไปที่นู่นได้” ฝ่ายสามีก็วิตกไม่แพ้กัน ทั้งสองกำลังหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องงานและโรงเรียนของลูกอยู่ “จะไปกลับก็ไม่ได้ เพราะไกลเอาเรื่องเดี๋ยวลูกจะเหนื่อยเกินเปล่าๆ”


ทั้งสองคนยังคงวิตกกันอยู่ แต่แล้วคุณแม่ของเด็กชายก็คิดอะไรออก “หรือจะให้ชั้นกับลูกเช่าอพาร์ทเม้นท์ที่นู่นอยู่ก่อน แล้วพอคุณย้ายงานมาได้เราค่อยซื้อบ้านกันดีมั้ย”


“อื้อ นั่นเป็นความคิดที่เข้าท่าเลยนะ ถ้าวันไหนผมไม่ต้องเค้าเวร เลิกงานเร็วไม่มีผ่าตัดผมก็จะไปหาหรือไม่ก็ไปค้างด้วยและกันเนอะ แบบนี่ก็น่าจะดี”


“งั้นเดี๋ยวชั้นลองไปเสิร์ชหาอพาร์ทเม้นท์ที่ใกล้กับโรงเรียนของชินทาโร่ดูนะคะ พรุ่งนี้พอส่งเค้าไปเรียนเปียโนแล้วชั้นจะลองไปดูสถานที่จริงเลยว่าสภาพแวดล้อมน่าอยู่มั้ย พรุ่งนี้คุณก็เลิกงานเร็วงั้นช่วยไปรับลูกที่โรงเรียนดนตรีด้วยได้มั้ยคะ” ภรรยาพูดกับสามีด้วยความกระตือรือร้น


สามียิ้มให้ “ได้สิคุณถ้าที่พักดีก็โทรมาบอกผมด้วยละกัน ผมกับลูกจะได้แวะซื้อของมาทำอาหารมื้อใหญ่ฉลองที่เราหาอพาร์ทเม้นท์ได้”


ภรรยาได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจรีบลุกขึ้นและกำลังจะเดินไปห้องทำงานเพื่อไปหาข้อมูลอพาร์ทเม้นท์ แต่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็ออกมาจากห้องนอน


“อ้าว ชินทาโร่ยังไม่นอนอีกหรอลูก” คุณแม่ก้มลงถามลูกชาย


“ยังครับ ผมนอนไม่หลับ” เด็กชายขยี้ตาอย่างงัวเงีย


พ่อเลยเดินเข้ามาขยี้หัวเด็กชาย “ไหงบอกไม่ง่วงแต่ดูสิตาปรือหมดแล้ว ไป ไปนอนเดี๋ยวพ่อเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนมั้ย”


“ครับๆ” เด็กชายเดินกลับเข้าไปในห้อง


จู่ๆแม่ก็พูดขึ้นมา “นี่ ชินทาโร่จ๊ะ เดี๋ยวเราแม่ลูกจะต้องไปอยู่อพาร์ทเม้นท์ที่นู่นกันนะ แต่ไม่ต้องห่วงพ่อจะมาหาเราบ่อยๆแน่นอนนะจ๊ะ”




“เอ๋” เด็กชายหันมาทำหน้างงๆ















. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .แล้วการเจอกันของทั้งคู่จะเป็นยังไงกัน??

2014-01-15

Sadist’s Love


Sadist’s Love
Pairing : Kiyoshi teppei x Hanamiya Makoto
Rate : G
Author : *child*
Note : ฟิคกากๆ ตามสไตล์สนองความต้องการของตัวเองอีกแล้วฮ่าๆๆๆๆ สะกดคำผิด หรือเขียนชื่อพลาดตรงไหนขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยรักจากใจ





เมื่อหนึ่งปีก่อน




“นายไม่เป็นอะไรแน่นะคิโยชิ”


“อ้อ ชั้นจะต้องหายดีแน่นอน จะต้องได้กลับไปเล่นบาสกับพวกนายแน่นอน พวกเราจะต้องเป็นอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นให้ได้”


“ได้สิเจ้าบ้า แล้วชั้นจะรอ”







กึก








กำลังออกมาแล้ว



ฮานามิยะ มาโคโตะรีบเดินออกจากหน้าห้องผู้ป่วยไปหลบอยู่ที่เคาท์เตอร์พยาบาล ทำเป็นยืนหารายชื่อเพื่อนที่อยู่โรงพยาบาลนี้ แต่ละหว่างเล่นละครหลอกพยาบาลอยู่นั้นเค้าก็ยังไม่วายเงี่ยหูฟังว่าพวกเซย์รินกำลังคุยอะไรกันอยู่อีกบล๊อค ดีที่พวกนั้นคุยกันเสียงดังทำให้พอจับใจความได้ง่ายๆ



“นี่ๆ พวกเราต้องมาเยี่ยมคิโยชิบ่อยๆนะ ว่าแต่เราจะซื้ออะไรมาเยี่ยมกันดีหล่ะมิโตเบะ”


“.............................”


“เอาเป็นพวกวิตามินบำรุงสุขภาพดีมั้ย”


“วิตามิน กิน แล้ว จิ้น”


“อิสึกิ หุบปาก”


“อ่า แต่ชั้นว่าน่าจะเป็นอะไรหวานๆนะ เพราะคิโยชิชอบอะไรหวานๆนะ”


“โอ้ งั้นเดี๋ยวเราไปหาซื้อขนมมาเยี่ยมกันเยอะๆเนอะมิโตเบะ”


“............................”


“นี่ อย่ามัวแต่ตามใจนะยะ เอาอะไรที่มันดีต่อสุขภาพมาด้วย”


“กินของหวาน ต้องเอามีดฝาน เดี๋ยวเป็นเบาหวาน”


“กลับบ้านไปหาแม่ไป อิสึกิ!!!!!!




...................ของหวานๆ.................



...................ขนมเหรอ?.................




ถ้าเป็นขนมก็คงต้องเป็นช๊อคโกแล็ตสินะ’  เมื่อคิดได้แล้วก็แสยะยิ้มออกมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปแสร้งยิ้มให้พยาบาลก่อนโกหกไปว่าจำได้แล้วว่าอยู่ห้องไหน ฮานามิยะ เดินกลับไปที่ห้องผู้ป่วยหมายเลขเดิมหยุดแค่ตรงประตูแต่ไม่ได้หันหน้าจะเดินเข้าไป แค่หยุดยืนหันข้างพร้อมเงยหน้าขึ้นแสยะยิ้มเท่านั้นโดยที่ไม่ได้ปรายตาไปมองภายในห้องเลย เมื่อสัมผัสได้ถึงแสงพระอาทิตย์อุ่นๆที่ส่องมาเค้าก็เดินออกไปจากประตูตรงนั้น เดินออกไปด้วยรอยยิ้มที่ยากที่จะคาดเดา










“ทั้งหมดนี่เท่าไหร่”

เมื่อจ่ายเงินแล้วฮานามิยะก็เดินออกมาจากซูปเปอร์มาร์เก็ตด้วยถุงใหญ่ๆในมือข้างนึงสองถุง อีกมือนึงลวงกระเป๋ากางเกงแบบปกติพร้อมกับเดินมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลที่คนขาเจ็บอยู่



ตึ๊งตึง



ลิฟท์เปิดขึ้นพร้อมขาเรียวที่ก้าวออกมาจากลิฟท์อย่างไม่รีบร้อน เดินอย่างสบายๆไปที่ห้องเดิม แต่ก่อนที่จะเลี้ยวไปซอยของห้องนั้นเค้าก็หยุดขาตัวเองซะก่อน และพยายามฟังว่ามีเสียงอะไรดังออกมาจากห้องมั้ยเพราะตัวเค้าเองไม่ได้อยากให้การมาของเค้าเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อไม่ได้ยินเสียงโหวกเหวกอะไรเลยเดินมุ่งไปที่ห้องนั้น



ก๊อกๆๆ


“คร้าบบบ”


เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากในห้อง จึงเปิดประตูเข้าไปแล้วก็พบคนตัวใหญ่นั่งยิ้มอยู่บนเตียงข้างหน้าต่าง ก่อนหันมาทำหน้างงๆใส่เค้าเล็กน้อย


ไม่เห็นโกรธอะไรเลยแฮะ


“เอ๋ เป็นนายเองหรอ นึกว่าเป็นพวกฮิวกะซะอีก”  ว่าเสร็จก็ยิ้มหน้ามึนใส่

“หา ชั้น? อ๋อชั้นเองพอดีอยากมาดูซักหน่อยเห็นบอกกันว่าต้องอยู่โรงพยาบาลหลายเดือน”

“อ๋า ก็นิดหน่อยหล่ะนะ”


".................................."


“อ่ะนี่ กินซะ” ฮานามิยะพูดก่อนที่จะโยนถุงลงไปบนเตียง

“โอ๊ย” อีกฝ่ายกุมขาร้องด้วยความเจ็บปวด


“หือ อ่าวเดี๋ยวเอาออกให้” คนผมเข้มดูตกใจเล็กน้อยแล้วเดินไปเก็บถุงที่เตียง ก่อนเดินไปลากโต๊ะทานอาหารคนป่วยมาไว้หน้าคนตัวใหญ่ก่อนจะเทขนมและน้ำลงบนโต๊ะทั้งสองถุงออกจนหมด จำนวนมันเยอะมากจนมีหล่นไปที่พื้นบ้าง หล่นอยู่บนเตียงบ้าง


“เห นี่มันอะไรเนี้ยะ?” คนคิ้วหน้าเลิกคิ้วเล็กน้อย

“ของเยี่ยมไง ชอบไม่ใช่หรอขนมไง”

“แล้วไปรู้มาได้ไง สุดยอดเลยน้าเยอะขนาดนี้ ขอบคุณมากๆนะฮานามิยะ” พูดพลางยิ้ม

“เออๆ กินๆเหอะ”

“อื้อ” ว่าแล้วมือใหญ่ก็เริ่มแกะห่อช๊อคโกแล็ตแท่งหนึ่งจากช๊อคโกแล็ตกองโตข้างหน้า ก่อนกัดเข้าไปเต็มคำ

“อ๊ะ อ๋า~ ขมปี๋เลยน้า”

“เห” ฮานามิยะเงยหน้าขึ้นมามองจากที่กำลังเดินเก็บขนมที่หล่นลงที่พื้นรอบๆเตียง “ขมหรอ นี่ก็เป็นอันที่ชั้นกินบ่อยๆทั้งนั้น จะขมได้ไงกัน”

“ปกตินายกินแบบนี้เหรอ นี่มันโกโก้ร้อยเปอร์เซ็นเลยนะสุดยอดไปเลยนะกินได้ด้วย”

“แล้วมันผิดตรงไหนเล่า” คนผมเข้มเข้มขึ้นเสียงเล็กน้อย “ถ้ากินไม่ได้เดี๋ยวเดินออกไปซื้อมาให้ใหม่”

“ไม่ต้องๆ ไม่เป็นไรกินได้แน่นอน ว่าแต่นายก็มากินด้วยกันสิ”

“ไม่หล่ะ นายกินคนเดียวเหอะ” คนตัวเล็กทำท่าจะเดินไปที่โซฟาสำหรับคนเยี่ยมแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมือให้รั้งข้อมือไว้ก่อน

“กินด้วยกันเถอะ นี่มานั่งเก้าอี้ข้างๆนี่ไงจะได้กินด้วยกัน” พูดพลางชี้เก้าอี้ข้างเตียงอีกฝั่งนึงให้ดู

“หือ เออก็ได้” พูดจบฮานามิยะก็เดินอ้อมไปนั่งที่เก้าอี้นั้นพร้อมกับเริ่มแกะห่อช๊อคโกแล็ตเหมือนกัน



ทั้งสองนั่งกินกันอย่างเงียบๆ ไม่มีการสนทนาใดๆทั้งสิ้น แค่กินไปเรื่อยๆ ฮานามิยะก็กินไปพลางมองผ้าปูบนเตียงไป ส่วนคิโยชิก็มองไปที่ผนังข้างหน้าพลางยิ้มน้อยๆตามปกติ จนกระทั้งอีกคนสังเกตว่าคนตัวโตกัดช๊อคโกแล๊ตของเค้าด้วยสีหน้าไม่สบายนัก


“นี่ถ้ามันขมนักก็กินกับนมสิ” มือเรียวเอื้อมไปหยิบกล่องนมช๊อคโกแล็ตบนโต๊ะมาก่อนฉีกเปิดฝากล่องให้กว้างขึ้นพอที่จะจุ่มแท่งช๊อคโกแล๊ตไปได้ “นายทำแบบนี้สิ จุ่มลงไปแบบนี้จะทำหวานขึ้นมาหน่อย” หลังจากทำเป็นตัวอย่างให้คนตัวโตดูแล้วก็ยื่นกล่องนมให้คนข้างๆ


“อ้า ขอบใจมากนะฮานามิยะ” คิโยชิรับกล่องนมมาจากคนข้างๆและลองจุ่มดาร์กช๊อคโกแล็ตลงไปตามที่อีกคนแนะนำมา “อื้ม หวานขึ้นจริงๆด้วยนะ นายนี่สุดยอดจริงๆเลยนะฮานามิยะ”

คนถูกชมเบือนหน้าหนีไปทางหน้าต่าง “สุดยอดอะไรกัน ถ้ามันขมก็ต้องจิ้มอะไรหวานๆสิมันถึงจะหาย”


“นั่นหน่ะสินา”


“หึ”



แล้วจู่ๆก็เหมือนฮานามินะจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “แล้วนี่นายไม่ต้องเรียนหรอ” คำถามถูกถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหน่ายๆเหมือนเดิม

“เรียนสิ แต่ไปโรงเรียนไม่ได้หรอกนะแต่หัวหน้าห้องกับพวกริโกะจะเอาบทเรียนกับโน้ตมาให้อ่านหน่ะ”

“แล้วจะเอามาให้เมื่อไหร่”

“ก็เสาร์นี้แหละ ริโกะบอกว่าจะรวมพวกโน้ตมาส่วนหัวหน้าห้องก็จะเอาบทเรียนมาด้วย ก็ทุกๆอาทิตย์แหละนะ” คนตัวโตพูดอย่างไม่ซีเรียสอะไร

“อือ งั้นวันนี้ไปกลับแล้วนะ” พูดพลางลุกขึ้น

“อ้อ ยังไงก็ขอบใจมากนะฮานามิยะ”

“อือ” คนผมเข้มคว้ากระเป๋าพร้อมเดินโบกมือเล็กน้อยออกไปจากห้อง










ระหว่างเดินกลับบ้าน ก็กำลังคิดว่าบทเรียนของเซย์รินจะเรียนเรื่องเดียวกันมั้ย คิดอยู่ไม่นานก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรไปถามเพื่อนร่วมทีม “เคนทาโร่”



“ว่าไงฮานามิยะ”


“มีเรื่องให้ช่วยหน่อย”


“เรื่องอะไรหล่ะ”


“ไปหาบทเรียนของปีหนึ่งโรงเรียนเซย์รินให้ที”


“เห.......เอาไปทำอะไรหล่ะนั่น”


“ไม่ต้องถามแค่ไปหามาก็พอ”


“แล้วจะเอาลึกแค่ไหน”


“ก็แค่อยากรู้ว่าเรียนอะไรบ้างในแต่ละเทอมของทุกๆวิชา เอาหัวข้อหลักๆก็ได้ ไม่ต้องละเอียดถึงเล็คเชอร์หรอก”


“เอ้อ ได้ๆเดี๋ยวจะลองสืบๆดูให้ แต่อย่างนายคงไม่ต้องหาอะไรมากก็สอนได้แล้วมั้ง ฝ่ายนั้นก็ดูไม่โง่หนิ”


“ไปหามาเฉยๆก็พอ”


“คร้าบๆ งั้นวางแล้วนะครับ”


“เออ” เมื่อวางสายไปก็เดินล้วงกระเป๋าหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวไปตามทางกลับบ้าน โดยที่หัวนั้นไม่ได้หยุดคิดเลย สมองกำลังทำงาน กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่ดูจากภายนอกไม่ว่าใครก็ไม่มีทางรู้ว่าภายในหัวชายคนนี้กำลังคิดเรื่องอะไรอยู่กันแน่ภายใต้ใบหน้าแบบนั้น



..........................................................................................................................................................




ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว หลังจากการบ้านโรงเรียนทั้งหมดที่ไม่ได้ยากเย็นอะไร ฮานามิยะกำลังนั่งอยู่หน้าคอมแทนที่จะอ่านหนังสือเล่นตามปกติ กำลังหาข้อมูลโรงเรียนเซย์รินอยู่



ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ



“ไงเคนทาโร่” เสียงเฉยๆบุญไม่รับตามปกติของเขาเอ่ยทักขึ้น

“นายอยากได้แบบเป็นเปเปอร์พรุ่งนี้ที่โรงเรียน หรือจะให้ส่งเมลล์ให้”


“เมลล์และกัน”


“อ่ะนี้ส่งไปแล้ว ที่จริงก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะบทเรียนโรงเรียนนั้นอ่ะ หัวข้อก็คล้ายๆกับโรงเรียนเราแต่ก็มีต่างกันอยู่ไม่กี่จุดใหญ่ๆเหมือนกัน แต่นายคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกกับบทเรียนพวกเนี้ยะ”


“อื้อ เห็นเมลล์และขอบใจมาก งั้นเจอกันพรุ่งนี้” หลังจากวางสาย นิ้วเรียวก็คลิกเลื่อนไปดูหัวข้อที่เรียนเรื่อยๆ “ไม่ยากแฮะ” ไล่ดูไปเรื่อยๆ พลางโน้ตจุดที่ต้องเน้นต้องไปหาข้อมูลบ้าง ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนครบทุกวิชา



..........................................................................................................................................................




เช้าวันอาทิตย์



ขาเรียวเดินอย่างไม่รีบเร่งอะไร มือนึงถือถุงซุปเปอร์มาเก็ตใหญ่ๆสองใบเหมือนเคยพร้อมเหน็บสมุดโน๊ตขนาดกลางๆมาด้วยหนึ่งเล่ม ส่วนอีกมือก็ล้วงกระเป๋าตามปกติ มุ่งไปยังโรงพยาบาลแห่งเดิม เมื่อไปถึงชั้นที่คิโยชิอยู่เค้าก็ทำเหมือนเดิม รอฟังดูก่อนว่ามีใครมั้ยก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องเดิม



ก๊อกๆๆ

“คร้าบ” เสียงตอบรับเดิมๆจากในห้อง


ฮานามิยะเปิดประตูเข้าไปก็เจอคนตัวโตนั่งพิงหมอนอยู่ที่เตียงข้างหน้าต่าวที่เดิม

“โอ้ ฮานามิยะวันนี้ก็มาหรอ”

“อือ อาการดีขึ้นยัง”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เริ่มทำกายภาพเบาๆได้แล้วแหละ”

“ก็ดี เออแล้วได้โน้ตมารึยัง” ขาเรียวเดินไปวางถุงขนมที่โต๊ะข้างๆเตียง ก่อนไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม

“ได้มาแล้วๆอยู่นี่ไง” มือใหญ่เอื้อมไปหยิบกองชีทและสมุดโน้ตมากมายที่โต๊ะอีกฝั่งนึง “อึ๊บ นี่ไงได้และ ว่าแต่ทำไมหรอมีปัญหาอะไรรึปล่าว”

“ปล่าว” มือเรียวหยิบชีทมาดู “อ่านแล้วเข้าใจบ้างรึปล่าว”

“ก็นะ เข้าใจบ้างแต่ก็มีที่ไม่เข้าใจบ้างหล่ะนะ ก็ไม่ได้ฟังครูอธิบายนี่เนอะ”

มือยังคงพลิกหน้าชีทไปเรื่อยๆพร้อมกวาดสายตาไล่ไปตามตัวหนังสือ “ก็เรื่องนี้มันไม่ง่าย แต่ถ้าพอจับใจความได้ก็ฉลุย”

“หือ”

ตาเรียวเหลือบขึ้นมามอง “งั้นจะเริ่มกันตั้งแต่หัวข้อแรกเลยมั้ยวิชาเนี้ยะ”

คนตัวโตทำหน้างงเล็กน้อยก่อนคลี่ยิ้มออกมา “อ๋า นี่นายจะช่วยชั้นเหรอขอบใจมากๆเลยนะฮานามิยะ”

“ก็แค่ทวนบทเรียนที่โรงเรียนไปด้วยก็แค่นั้น อย่าเหลิงมากนักเลยคิโยชิ”

“โอ้เป็นแบบนั้นเอง แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะ”




แล้วทั้งสองคนก็ติวบทเรียนกัน ทีละหัวข้อที่ละวิชาไปเรื่อยๆ การอธิบายของฮานามิยะนั้นทำให้ง่ายต่อความเข้าใจมากๆ และละเอียดมากๆด้วย ไม่รู้ว่าจำทั้งหมดเข้าไปได้ยังไง ส่วนคิโยชิเองก็เข้าใจได้เร็วอย่างไม่มีปัญหา เพราะปกติเขาก็เป็นคนที่เรียนดีอยู่แล้ว สมกับที่สมาชิกในชมรมบาสบอกว่าคิโยชิหน่ะฉลาดเขาเข้าใจทุกอย่างได้อย่างง่ายดายเช่นกัน ติวกันไปกินขนมกันไปจนค่ำ



“เห นี่มืดแล้วเหรอเนี้ยะ ไม่ได้รู้สึกตัวเลยน้า” คนตัวใหญ่พูดพลางบิดขี้เกียจ

“วันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนและกัน นี่ก็ทันเพื่อนๆที่เรียนไปในอาทิตย์นี้ได้แล้วแหละ”

“อ้อ ขอบใจมากๆเลยนะฮานามิยะ นายช่วยชั้นได้มากเลย”

“อือแล้วอย่าลืมทวนที่อ่านๆไปวันนี้ด้วยหล่ะจะได้ไม่ลืม”

“ได้เลยไว้เจอกันอีกนะ”

“อือ” ระหว่างที่ขาเรียวกำลังจะก้าวออกจากห้อง




“นี่ฮานามิยะ” เสียงของคนขาเจ็บก็รั้งเค้าเอาไว้ “นายหน่ะต้องมาอีกนะ.......รู้มั้ย”




หน้าที่เรียบเฉยอยู่เสมอผงะเล็กน้อย “เออ” ก่อนก้าวขาออกไปจากห้อง



..........................................................................................................................................................




และเหตุแบบนี้ก็เกิดขึ้นทุกๆอาทิตย์ ฮานามิยะจะไปเยี่ยมคิโยชิทุกๆวันอาทิตย์ แต่อาทิตย์นึงก็ไปประมาณสองสามครั้งแต่ใช้เวลาไม่นานนักถ้าไม่ได้ติว ทั้งสองคนยังไม่พูดอะไรกันมากก็แค่ประโยคต่อประโยคเท่านั้น ก็เหมือนขั้วสองขั้วที่แตกต่างกันอย่างสุดโต่งมาอยู่ด้วยกัน อีกคนหนึ่งดำอีกคนกลับขาวสะอาด อีกคนคือพระอาทิตย์แต่อีกคนกลับเป็นพระจันทร์ซะงั้น เลยอาจทำให้เข้ากันยากหน่อยแต่เพราะทั้งสองคนไม่ได้ปฏิเสธที่จะเข้าหากันเลยไม่มีปัญหาอยู่กันตามปกติ ความสัมพันธ์ของเค้าทั้งคู่ก็ไม่ใช่เพื่อนแต่ก็ไม่เชิงศัตรูซะทีเดียวและนั่นคงเป็นสิ่งที่กำลังตีอยู่ในหัวฮานามิยะตอนนี้


ตอนนี้ฮานามิยะกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเล็กน้อย เพราะความคิดมากมายในหัวทำให้เค้าอ่านหนังสือเล่มใหม่ไม่รู้เรื่อง และนั่นไม่ใช่เรื่องดีแน่




พรึบ..............ผลัก




เสียงหนังสือกระแทกกับผนังห้อง ใช่ เค้าเป็นคนปาไปเอง ก็ในเมื่ออ่านไม่รู้เรื่องแล้วจะอ่านไปทำไม คิโยชิตอนนี้นายมันก็แค่ขยะ ไม่ว่าจะเก่งมากแค่ไหน จะอัจฉริยะมาจากไหนนายก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นหลังจากที่นายใช้ขานายไม่ได้แล้วคิโยชิ ทำไมกัน.............


คิดแล้วฮานามิยะก็ลุกขึ้นปาลูกดอกไปที่กลางเป้า นายเป็นใครกันคิโยชิ



จริงอยู่ที่เจอกันบ่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฮานามิยะอ่อนข้อให้กับคิโยชิหรือคิดที่จะขอโทษคิโยชิเลย ช๊อคโกแล็ตยังเป็นแบบดาร์กเสมอถึงแม้ว่าจะลดเป็นแค่แปดสิบเปอร์เซ็นแล้วก็ตาม คำพูดก็ยังไร้อารมณ์กวนประสาทอยู่เช่นเคย และทุกครั้งที่เจอก็ต้องมีคำพูดแทงใจคิโยชิอยู่เรื่อยไป แต่ทำไม ทำไมอีกคนถึงไม่แสดงท่าทีเจ็บปวดหรือโกรธหรือเสียใจออกมาให้เห็นเลยและนั่นทำให้เค้าหัวเสียมากๆ


“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” และร่างบางก็ได้หัวเราะออกมาอย่างคลั่งๆในห้องนอนของเขาเอง



..........................................................................................................................................................




วันนี้ร่างบางก็กำลังจะไปโรงพยาบาลแห่งเดิมเพื่อไปเคลียร์เรื่องที่อยู่ในหัวเมื่อคืนจนทำให้เค้าไม่ได้นอนเลย  ตัวเค้าไม่ได้ไปหาคนไข้ตัวเปล่า เช่นเคยวันนี้เค้าซื้อทาร์ตผลไม้ไม่หวานมากไปให้อีกคนด้วย จะต่างกับปกติก็ตรงที่ว่าขาเรียวก้าวเร็วกว่าปกติก็แค่นั้น เมื่อไปถึงหน้าห้องก็ได้ยินที่คุณหมอกำลังคุยกับคิโยชิ


“อีกอาทิตย์นึงก็กลับได้แล้วหล่ะนะ คิโยชิ ในเมื่อทำกายภาพแล้วดีขึ้นมากขนาดนี้”

“อ้าดีจังเลยนะครับ”

“แต่ก็อย่าหักโหมมากหล่ะคอยพันเข่าไว้ด้วยจะได้ไม่ทรุดไปซะก่อน”

“ครับๆ”


แล้วคุณหมอก็เดินออกจากห้องมาสวนกับฮานามิยะที่เดินเข้าไปข้างในห้อง


“ไงๆ จะหายแล้วสินะ ยินดีด้วยและกันแล้วนายหน่ะ ยังจะกล้าลงเล่นบาสอีกหรอ” น้ำเสียงยียวนกวนประสาทออกมาจากปากบาง

“ก็ชั้นรักมันแล้วทำไมจะไม่กลับไปเล่นอีกหล่ะ” คนตัวใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงยิ้มๆซึ่งนั้นทำให้อีกคนไม่สบอารมณ์นัก

“ไม่ว่าจะลงอีกกี่ครั้งนายก็เป็นขยะไปแล้วคิโยชิ” พูดพลางวางกล่องทาร์ตลงบนโต๊ะ

“ฮานามิยะ” คนตัวสูงขึ้นเสียงใส่เค้าซึ่งนั่นทำให้ยิ้มออกได้ไม่น้อย

“หวังว่านายคงยังไม่ลืมความรู้สึกเจ็บตอนที่ล้มลงไปกับพื้นสนามได้หรอกนะ คิโยชิ” แล้วหันมามายิ้มให้คนที่อยู่บนเตียง

“นายอยากได้อะไรกันแน่ อยากจะพูดอะไรกันแน่” คิโยชิถามเสียงเครียดกลับไป

“ก็ไม่ได้อยากได้อะไรซักหน่อย ก็แค่อยากให้จำเอาไว้กลัวจะลืมไปซะหล่ะนะ”

“นาย” คนตัวสูงพูดด้วยน้ำเสียงขัดเคืองก่อนดึงข้อมืออีกคนที่ท้าวไว้กับเตียงลงมาประทับริมฝีปาก ถึงไม่ได้ทีการลุกล้ำใดๆแต่ก็หนักหน่วงพอสมควรก่อนผละออกจากกัน “ชั้นไม่มีวันลืม ฮานามิยะ” สายตาแกร่งจ้องเข้าไปในนัยต์ตาของอีกคน

ฮานามิยะตกใจและผละออกมา ก่อนจะกระชากคอเสื้ออีกคน “นายทำอะไร ทำไมคิโยชิ ทำไม นายมันก็แค่ผู้เล่นที่มีพรสวรรค์ ที่ตอนนี้กลายเป็นแค่เศษขยะ แต่ทำไมกันทำไมคิโยชิทำไม นายถึงกล้าที่จะมองชั้นแบบนี้ทั้งๆที่นายไม่มีอะไรเหลือเลย ทำไม” คนตัวเล็กตะคอกถามอีกคน อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรแต่ใช้มือใหญ่ๆรั้งหน้าอีกคนลงมาจูบอีกครั้ง เป็นจูบที่ร้อนแรงทีเดียว ร่างบางใช้มือจับหน้าร่างสูงให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ อยากให้อีกฝ่ายทำตามที่ตัวเองต้องการ ทั้งสองคนจูบกันอยู่ซักพักจนฝ่ายคิโยชิต้องผละออกเพราะหมดลมก่อน

“แฮ่กๆๆ นายไม่ตอบคำถามชั้นคิโยชิทำไม นายทำดีกับชั้นทำไมเล่นละครอยู่รึไง”

“ถ้านายจะคิดแบบนั้นก็ได้นะฮานามิยะ เพราะจริงๆแล้วที่ผ่านมาตั้งแต่นายมาดูชั้นหลังจากเกมจบที่โรงพยาบาลนายก็รู้คำตอบอยู่แล้ว นายรู้อยู่แล้วฮานามิยะ” ร่างสูงพูดเสียงนุ่ม

“หึนายนี่มัน” ปากบางแสยะยิ้มออกมาก่อนเดินไปหยิบทาร์ตมาวางลงบนเตียงให้คนขาเจ็บ “อ่ะนี่ วันนี้เป็นทาร์ตผลไม้ กินซะ”

“มากินด้วยกันสิ”

“ไม่ วันนี้มีซ้อมอีกจนค่ำ นี่โดดมา ยังไงก็กินให้อร่อยและกัน” พูดจบร่างบางก็หยิบกระเป๋าเตรียมกลับ

.
.
.


“วันนี้ชั้นจะมาเป็นวันสุดท้าย เจอกันอีกทีตอนวินเทอร์คัฟ ที่สำคัญนายเองก็จะต้องกลับไปเป็นขยะอีกครั้งคิโยชิ”


..........................................................................................................................................................




........วินเทอร์คัพรอบคัดเลือก..........


หลังจากที่แข่งระหว่างชูโตคุกับเซย์รินจบลงพร้อมกับการแข่งคู่ของเค้า ฮานามิยะก็รีบแต่งตัวแล้วบอกทีมว่าออกมาทำธุระข้างนอกแป๊บนึงเดี๋ยวกลับไป ขาเรียวเร่งเดินไปทางเดินสำหรับนักกีฬาที่จะออกไปข้างนอกแล้วก็เห็นที่นั่งในมุมมืดๆ พวกนั้นต้องออกมาทางนี้อยู่แล้ว นั่งรอตรงนี้ก็ได้มั้ง




ตึก ตึก ตึก ตึก



..........เสียงคนเดินหนิ...........


“นี่ๆแต่เกมวันนี้สุดยอดไปเลยน้ามันสุดๆไปเลยเน้อมิโตเบะ”

“....................................”


“เอาแหละต่อไปก็ศึกหนักอีกหล่ะนะทุกคน”


“ใช่”


“ยังไงก็ต้องชนะผ่านเข้าไปในวินเทอร์คัพให้ได้เซย์รินไฟท์”


“อยากเข้าวินเทอร์คัพ ต้องกินมาม่าคัพ”


“อิสึกิ!!!!!!! แม่นายไม่อยู่เหรอกลับไปหาพ่อไป!!!!!!


ตึก ตึก ตึก


..................หือแสงอุ่นๆนี่อีกแล้ว..................



“อ่า พวกนายออกไปก่อนนะ พอดีนึกได้ว่าชั้นลืมของไว้ที่ห้องเก็บตัวหน่านะเดี๋ยวกลับไปเอาก่อน”





หลังจากที่ทุกคนเดินนำไปไกลแล้วคนตัวโตก็หันมาหาคนที่กำลังนั่งรออยู่ ใช่ ฮานามิยะกำลังรอเจอคิโยชิอยู่ “ไงๆ ชั้นหน่ะอดใจรอเจอนายแทบจะไม่ไหว อยากจะแข่งกับนายจะตายอยู่แล้วนะเนี้ยะ”


ร่างบางพูดเหน็บแนมตามปกติ แต่ครั้งนี้ร่างสูงทำหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่ฝ่ายฮานามิยะก็รู้อยู่แล้วว่าคิโยชิไม่อยากเจอเค้าในฐานะนักกีฬาหรอก วิธีการเล่นมันต่างกันเกินไป อีกฝ่ายคงไม่ค่อยพอใจนักกับที่เค้าทำในเกมวันนี้


“เอาหล่ะ ก็แค่อยากมาทักทายแหละนะ แล้วเจอกัน” ว่าแล้วก็เดินหันหลังกลับไปหาทีมตัวเอง เค้าก็แค่อยากเห็นหน้าอีกฝ่ายก็แค่นั้น เห็นว่าหายดีแล้วก็อยากดูว่าหายแล้วเป็นยังไง เพราะปกติที่เจอกันก็อยู่บนเตียงตลอด แต่ก็ใช่ว่าจะคิดถึงอะไรหรอกแค่อยากเห็นหน้าคนที่เค้าจะฉีกเป็นชิ้นๆก็เท่านั้นเอง เค้าแทบอดใจไม่ไหวที่จะได้อยู่บนสนามเดียวกันกับไอรอนฮาร์ทคิโยชิอีกครั้ง



..........................................................................................................................................................




วันที่เค้าต้องแข่งกันก็มาถึง.....................................



มันเป็นศึกระหว่างทีมที่เป็นแสงสว่างเล่นด้วยวิธีที่ขาวสะอาดที่สุดอย่างเซย์รินและทีมที่อยู่ในมุมมืดใช้วิธีสกปรกที่สุดอย่างทีมของเค้าคิริซากิไดอิชิ ตั้งแต่เปิดเกมทุกคนก็เล่นกันอย่างเต็มที่เช่นกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายของเค้าพยายามทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บมากที่สุดโดยเฉพาะเจ้าคิโยชินั่น รวมถึงคนอื่นๆด้วยจะให้เจ็บกันไปทุกๆคน และพยายามยั่วโมโหฝั่งเซย์รินให้มากที่สุดเพื่อที่จะทำฟาวล์ ทุกๆอย่างนั้นอยู่ในกำมือของร่างเล็กที่เป็นกัปตัน เค้าเป็นคนออกคำสั่งทั้งหมด ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเจ็บมากเท่าไหร่เค้ายิ่งรู้สึกมีความสุข



แต่นั่นใช่ความสุขจริงๆหรอ?




อีกเสียงนึงในหัวเค้าบอกให้พอ




บอกให้หยุดทำร้ายคิโยชิ เท็ปเปไปมากกว่านี้




แต่เค้าเองก็หยุดไม่ได้ เค้าไม่อยากให้อีกฝ่ายเล่น ถ้ายิ่งเล่นก็ยิ่งเจ็บอยากให้ออกๆไปจากสนามนี่ซักที




ทำไมต้องทำเรื่องบ้าๆ มาเจ็บเพื่อให้ทีมตัวเองชนะเนี้ยะนะ เจ้าคิโยชินั่นบ้าไปแล้ว




และแล้วสติของฮานามิยะ มาโคโตะก็ขาดผึ่งเมื่อเค้าเห็นคิโยชิไปรับอาการบาดเจ็บแทนทุกคน เอาตัวไปรับแทน นั่นทำให้ร่างบางโมโหที่สุด หัวเสียมากเมื่อเห็นคนบ้าๆที่แสร้งทำเป็นคนดีทำอะไรห่ามๆแบบนั้น จึงยิ่งสั่งให้ลูกทีมของเค้าเล่นหนักขึ้นไปอีก ยิ่งเค้าเห็นตามตัวอีกฝ่ายมีแต่รอยฟกช้ำเค้ายิ่งสะใจ




สะใจจริงๆหรอ


ไม่ใช่ความโมโหหรอ


ความโมโหที่เกิดจากการเห็นที่อีกฝ่ายรับบาดแผลแทนเพื่อนร่วมทีม




เกมก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคิโยชิสภาพร่างกายไม่ไหวโค้ชจึงต้องขอเปลี่ยนตัว ในใจของร่างบางรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก เหมือนตัวเองทำสำเร็จแล้ว



ว่าแต่อะไรกันที่สำเร็จ?


ทำให้อีกฝ่ายไม่ต้องมาเล่นเกมที่โหดร้ายของเค้างั้นหรอ?


ไม่ต้องมาทนเจ็บกับการเล่นของเค้างั้นหรอ?





สุดท้ายมันสมองอัจฉริยะอย่างเค้าก็ต้องแพ้ให้กับทีมเซย์ริน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ต้องยอมรับความพ่ายแพ้นี้ มันทำเค้าเจ็บใจมาก แต่สุดท้ายฮานามิยะก็เดินไปเพื่อจะไปพูดกับคิโยชิ เค้าอยากขอโทษ อยากจะแสดงความยินดีด้วย 


แต่...........................................




สุดท้ายตัวตนความซาดิสต์ของเค้าก็แทรกขึ้นมาอีกครั้ง



บ้าเอ๊ย ใครให้ออกมาตอนนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่ชั้นอยากจะพูดนะ



คิโยชิ เท็ปเป ชั้นขอโทษ ยินดีด้วยนะ


ไอเวรเอ๊ย ทำไมปากไม่ขยับนะ




“ฮานามิยะ ลูกที่ชู้ตเมื่อกี้นี้มันสุดยอดมากๆเลยนะ คราวหน้าเรามาเล่นบาสด้วยกันอีกนะ” คนตัวโตหันมาพูดพร้อมสีหน้าที่ยิ้มแย้ม



เจ้าคิโยชินั่น หึ สุดท้ายนายก็เป็นคนที่รู้ทุกๆอย่างจริงๆสินะ รู้โดยไม่ต้องพูดอะไร รู้แม้กระทั่งความคิดคนซาดิสต์อย่างชั้น ไอบ้าเอ๊ย



“ได้และเวลานั้นชั้นจะฉีกพวกนายให้เป็นชิ้นๆทุกคน” ร่างบางแสยะยิ้มและเดินจากไป

.
.
.
.
.




ตกลงความสัมพันธ์ของเรามันเป็นยังไงกันแน่คิโยชิ...........เราคิดอะไรกันอยู่นะเจ้าบ้า




................................จบ...............................